“เชตวัน” ชี้ บทเรียนรัฐประหาร พาประเทศไทยไปต่อไม่ได้ - ลั่น ทหารต้องไม่อ้างเหตุม็อบยึดอำนาจ
วันที่ 28 มิถุนายน 2568 นายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 พรรคประชาชน แสดงความเห็นผ่านข้อเขียนเรื่อง “ประเทศไทยเปลี่ยนไม่ผ่านจริงหรือ?” โดยระบุว่า ทุกครั้งที่มีการชุมนุมหรือม็อบ สำหรับประเทศไทย ผมไม่แปลกใจถ้าจะมีคนออกมาพูดด้วยความเป็นห่วงว่าจะมีการรัฐประหาร หรือไม่? เพราะที่ผ่านมา การชุมนุมก็เป็นหนึ่งในเหตุและปัจจัยที่ทำให้ทหารหรือผู้เผด็จการ ใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าประเทศนี้ต้องปราศจากการชุมนุม
นายเชตวัน ระบุด้วยว่า การชุมนุมเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง ประเทศที่เจริญแล้วในโลกนี้ เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อน ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกกดขี่ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะมีคนออกมาชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายบริหารเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่ประเทศที่เจริญแล้วเหล่านั้น เขาก็ใจเย็นและอดทนพอที่จะรับฟังความเห็นต่าง แก้ปัญหาได้ถูกใจผู้ชุมนุมบ้าง ไม่ถูกใจผู้ชุมนุมบ้าง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีเงาตะคุ่มๆ เบื้องหลัง ที่พอสถานการณ์มาถึงจุดหนึ่งแล้วลากรถถังออกมา ทหารหรือใครก็ตามต้องไม่อ้างเหตุม็อบมายึดอำนาจ
”ผมพูดบ่อยๆ ว่า ประเทศไทยก็เหมือนกับชาติใดๆ ในโลก เราไม่ได้ตกมาจากฟากฟ้าหรือสวรรค์วิมานชั้นไหน จึงไม่มีหรอกประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่วนเวียนอยู่กับการยึดอำนาจโดยทหารอยู่ร่ำไป เราสามารถที่จะปฏิรูปการเมือง พร้อมๆ กับการปฏิรูปกองทัพ และสามารถที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศไทยที่ไม่ต้องเจอการรัฐประหารอีก” นายเชตวัน ระบุ
นายเชตวัน กล่าวทิ้งท้ายว่า จากประสบการณ์ในกรรมาธิการการทหาร และกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพฯ ผมได้เห็นนายทหารรุ่นใหม่ ทหารที่เป็นทหารอาชีพ ที่พร้อมยอมรับเรื่องการปฏิรูปกองทัพ เป็นทหารที่มีความคิดเป็นประชาธิปไตย คือ เชื่อว่า การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือเดียวในการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองในระบบประชาธิปไตย ไม่ใช่การยึดอำนาจ
“ผมไม่เชื่อว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนไม่ผ่าน และประวัติศาสตร์ระยะสั้น คือ การชุมนุมเมื่อปี 2548 แล้วตามมาด้วยการยึดอำนาจปี 2549 และการชุมนุมเมื่อปี 2556 แล้วตามมาด้วยการยึดอำนาจปี 2557 บอกกับเราว่า ไม่สามารถพาประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ผมคิดว่าบทเรียนรัฐประหาร 2 ครั้งหลัง น่าจะเพียงพอที่จะไม่พาประเทศไทยถอยหลังกลับไปสู่จุดนั้นอีก”