ระทึกด่านจริยธรรม “อุ๊งอิ๊งค์”เสี่ยงตกเก้าอี้!!

เมืองไทย 360 องศา

เรียกว่าหากจิตใจไม่ “ด้านชา” พอ ถือว่ารับแรงกระแทกไม่ไหวแน่ สำหรับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในเวลานี้ถือว่ากำลังพบกับมรสุมรุมเร้าเข้ามาทุกทาง จนยากที่จะเชื่อว่าจะสามารถทนทานได้ นอกเสียจากหลับหูหลับตา ไม่ต้องไปสนใจสิ่งดังกล่าวรอบตัว แล้วกัดฟันเดินหน้าต่อ เพราะล่าสุดเธอบอกว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ “ลงตัว” แล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นลำดับถัดไป

ที่ผ่านมาได้เห็นโผรายชื่อออกมาแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการสลับหมุนเวียน และเป็น “หน้าเก่าๆ” จนเชื่อว่าหลายคนเห็นแล้วคง “ไม่มีความคาดหวัง” อะไรมากนัก อีกทั้งที่ผ่านมาหลังจากมีกรณี “คลิปหลุด” การสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ นายฮุนเซน ออกมา จนทำให้ความไว้วางใจ ทำให้ ความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร แทบจะหมดสิ้นลง และเชื่อว่าเธอกำลังเผชิญกับพลังการต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้ว่าเวลานี้ยังมั่นใจได้ว่าเธอยังมีเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกไป โดยเฉพาะยังมีการดึงเสียงมาจาก ส.ส.อีกจำนวนหนึ่งที่เรียกว่า “กลุ่มงูเห่า” เข้ามา ก็ตาม แต่ในเมื่อเสียงสนับสนุนจากชาวบ้านที่มองเห็นถึงการขาดความชอบธรรม ไม่น่าไว้วางใจอีกต่อไป ก็ต้องถือว่าเดินต่อได้ลำบาก

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ ตัวนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กำลังมีความเสี่ยงที่จะต้องตกจากเก้าอี้มากที่สุดในระยะเวลาอันใกล้นี้ก็คือ การชี้ขาดจากองค์กรอิสระทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำลังจะพิจารณาคำร้อง “ด้านจริยธรรม” จากกรณี “คลิปลับ” ดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ ให้รับเรื่องร้องเรียนกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม มาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณี การเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งกล่าวถึงประเด็นความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา

โดยที่ประชุมมีมติให้เริ่มดำเนินการ สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น พร้อมสั่ง ถอดเทปบทสนทนา และ จัดทำคำแปลภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานทางคดี ตลอดจนเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้อง โดยกระบวนการดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนปกติของ ป.ป.ช. เมื่อมีคำร้องเรียนเข้ามา

ทั้งนี้ ป.ป.ช.ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าต้องเสร็จภายใน 10 วันตามข่าวที่ปรากฏก่อนหน้านี้ แต่มีคำสั่งให้เร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด และให้สำนักงาน ป.ป.ช. รายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมรับทราบเป็นระยะ

รายงานมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า มติที่ ป.ป.ช. ครั้งนี้ ให้สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ถอดเทป พร้อมคำแปลภาษาต่างประเทศให้ถูกต้อง สอบพยานผู้เกี่ยวข้อง และที่สำคัญยังให้ศึกษาข้อกฎหมายในคดีของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีกรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย พร้อมทั้งให้ดูข้อเท็จจริงว่า ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญมีการรับเรื่องวินิจฉัยกรณี น.ส.แพทองธาร ฝ่าฝืนจริยธรรมกรณีนี้ไว้แล้วหรือไม่ เนื่องจากมีข้อมูลปรากฏว่ามีการร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญด้วย

ขณะเดียวกันมีรายงานจากศาลรัฐธรรมนูญว่า สำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งกำหนดการนัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญล่าสุด โดยนัดประชุมเร็วขึ้นเป็นวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2568 จากเดิมที่มีกำหนดประชุมในวันที่ 8 และ 15 กรกฎาคม โดยในช่วงบ่ายวันนี้ ศาลได้ออกเอกสารข่าวแจ้งงดการประชุมประจำสัปดาห์ เนื่องจากติดภารกิจเป็นเจ้าภาพจัดประชุม AACC และเลื่อนประชุมขึ้นมาก่อนกำหนด ซึ่งไม่ใช่แนวปฏิบัติที่เกิดขึ้นบ่อย

การประชุมวันที่ 1 ก.ค. กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตามอง เนื่องจากอาจมีการพิจารณาคำร้องสำคัญที่สมาชิกวุฒิสภา 36 คน นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ที่ร่วมกันยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ กรณีคลิปเสียงสนทนากับ นายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยคำร้องยังขอให้ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับหรือไม่รับคดีคลิปเสียงนายกฯ ว่า เราก็ประเมินเรื่องนี้นะคะ หากต้องสนับสนุนในเรื่องข้อมูลหรืออะไรก็พร้อมในการให้ข้อมูลและชี้แจง เพราะคลิปเสียงที่หลุดออกมาก็ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ผู้นำแต่ละประเทศใช้เจรจากันอยู่แล้ว ก็จะเห็นได้ชัดว่าในคลิปเสียงตัวดิฉันเองก็ไม่ได้อะไร

นายกฯแพทองธาร ระบุว่า ตนเองไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียหายอะไร จุดนี้คือจุดที่เป็นการคุยกัน ซึ่งก็ทราบอยู่แล้วว่าไม่ควรเปิดเผยคลิปที่เป็นการสนทนาแบบส่วนตัว ดิฉันก็พร้อมยืนยันและพร้อมอธิบายเล่าทุกเหตุการณ์อยู่แล้วถ้าต้องมีการอธิบาย

เมื่อพิจารณาจากกรณีคำร้องทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ให้รับเรื่องร้องเรียนด้านจริยธรรม และศาลรับธรรมนูญกรณีเทปการสนทนาดังกล่าว โดยเฉพาะกรณีของ ปปช.ที่ถือว่าเดินหน้ารวดเร็วมาก แม้ว่าจะยังไม่ได้กำหนดเวลาในการสอบสวนภายใน 10 วัน ตามข่าวก่อนหน้านี้ แต่เมื่อย้ำว่าให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว รวมทั้งให้พิจารณากรณีสอบสวน นายเศรษฐา ทวีสิน ที่โดนคำร้องเรื่องจริยธรรมมาประกอบอีกด้วย เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน

ดังนั้น แม้ว่านาทีนี้รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะสามารถยืนยันเสียงสนับสนุนเป็นรัฐบาลเสียงเกินครึ่ง และมั่นใจในเสถียรภาพ ท่ามกลางความ “เสื่อมศรัทธา” ของสังคม และคงต้องเจอกับการเคลื่อนไหวต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องจับตาว่า เธอ จะรอดพ้นจากการพิจารณาขององค์กรอิสระ เช่น ปปช. และศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังจะมีการวินิจฉัยในเรื่อง “ความผิดจริยธรรม” ในเร็วๆนี้ได้หรือไม่ !!