คณะรวมพลังแผ่นดินเริ่มอุ่นเครื่องก่อนชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัย 28 มิ.ย. พรุ่งนี้แต่ละจังหวัดเริ่มรณรงค์เชิญชวนร่วมชมนุมที่กรุงเทพฯ วันที่ 26 มิ.ย.ทดสอบพลังร้องเพลงชาติหน้าศาลากลางแต่ละจังหวัด “จตุพร” แฉคนในรัฐบาลแอบสั่งผู้ว่าฯ จังหวัดไหนปล่อยให้มา จังหวัดนั้นผู้ว่าฯ อยู่ไม่ได้
วันนี้(24 มิ.ย.) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ มีการแถลงข่าวการชุมนุมแสดงพลังของภาคประชาชนในนามคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ เวลา 16.00-21.00 น. ภายหลังการแถลง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยถึงการรับบริจาคผ่านมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเพื่อเป็นทุนสนับสนุนการชุมนุมครั้งนี้ ว่า ล่าสุดยอดเกิน 10 ล้านบาทแล้ว ซึ่งจะนำไปใช้ในการชุมนุมตามเหตุตามผลเท่าที่จําเป็น และมั่นใจว่าเหลือแน่นอนและเหลือจำนวนมากด้วย แต่มีว่าจะเหลือเท่าไหร่ก็จะมอบสนับสนุนการทํางานของแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 2 ทั้งหมด ไม่ให้เหลืออยู่ในมูลนิธิฯ เลย และจะปิดบัญชีไม่ให้บริจาคเพิ่ม การดําเนินการจะเป็นไปอย่างโปร่งใสและเปิดเผย ทั้งรายรับและรายจ่ายจะเปิดเผยทั้งหมด
ส่วนการเตรียมการชุมนุมนั้น นายปานเทพกล่าวว่า อยากให้ทางจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมกิจกรรมกันโดยวันพุธ(25 มิ.ย.) นี้ให้แต่ละจังหวัดเริ่มตระเวนรณรงค์ ให้ประชาชนมาในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ และวันพฤหัสฯ ก็ให้ไปร่วมกันทดสอบกําลังโดยการร้องเพลงชาติที่ศาลากลางจังหวัดของแต่ละจังหวัด เสร็จแล้วก็จะมาพร้อมกันในวันที่ 28 มิถุนายน
“ขอย้ำว่าวัตถุประสงค์ยังเหมือนเดิม ไม่แตกประเด็นนะครับ ว่าหนึ่งเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลลาออกนะครับ และร่วมกันสําแดงพลังในวันที่ 28 มิถุนายน เราหวังว่าคนที่มาจะร่วมกันสําแดงพลังให้มากกว่ากัมพูชา ให้มาร้องเพลงชาติพร้อมกันให้ดังสนั่นไปทั่วแผ่นดิน ทั้งแผ่นดินไทยและทั่วโลกนะครับ ก็มีแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้นเองในวันนั้น เราจะชุมนุมแล้วก็สําแดงพลังกันพร้อมพร้อมกัน” นายปานเทพกล่าว
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนํารัฐบาลตั้งแต่การเลือกตั้งปี 66 เราไม่ได้เห็นซึ่งความพยายามในการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ สแกมเมอร์ กระบวนการฟอกเงินหรือมาตรการปิดด่าน แต่ว่าผลจากคลิปหลุดการสนทนาที่อุ๊งอิ๊งอ้างว่าเธอไม่ผิด และประเทศก็ไม่ได้เสียอะไร แต่ความจริงประเทศไทยเสียหาย แต่มันมีข้อดีประการหนึ่งที่เราได้เปรียบเทียบว่าก่อนคลิปหลุดกับหลังคลิปหลุดเธอกลายเป็นคนละคน ถ้ายังดีกันอยู่ ไม่มีคลิปหลุด เธอก็คงยังเหมือนเดิม ไม่ได้ทําอะไรวันนี้
นายจตุพรกล่าวอีกว่า สิ่งที่เรายังไม่เห็นคือการตอบโต้ใดๆ ออกจากปากของนายทักษิณ ชินวัตร มีเพียงแค่แหล่งข่าวคนไปพบแล้วรายงานมา ตนซึ่งในฐานะที่รู้จักดีทั้งฝั่งกัมพูชาและฝั่งไทยเชื่อว่ามันมีอะไรซุกซ่อนอยู่ ตนโดนฮุนเซนฟาดก่อนอุ๊งอิ๊งก็ได้ติดตามเรื่องราวมาตลอด นายทักษิณควรออกมาพูดได้แล้ว เรื่องอื่นก็พูดได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้หลังจากให้สัมภาษณ์ครั้งเดียวเรื่องเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามตะกร้อ โนแมนส์แลนด์แล้วก็หายวับไป แม้พยายามจะมีข่าวปล่อยกันว่าโกรธอุ๊งอิ๊งค์ เพราะว่าไปพูดกับฮุนเซนโดยไม่ปรึกษาหารือ ซึ่งก็เป็นแหล่งข่าวลอยๆ คือถ้าเป็นจริงคนไทยต้องยิ่งสมเพชเวทนา เป็นถึงนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เด็กอนุบาลที่ยังจะต้องมีผู้ปกครอง แต่อย่างไรก็ตามความเสียหายจากการทําหน้าที่การไปพูด การแปลเขาก็ระมัดระวัง เป็นมธุรสวาจา แต่พอแปลฉบับจริงก็จะเห็นว่ามันรุนแรงในเรื่องจุดยืนของภาคฝั่งกัมพูชา
“เพราะฉะนั้นผมเองก็ยังเห็นว่า อย่างไรเธอก็อยู่เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกไม่ได้ เพียงแต่ว่าเราจะไปคาดหวังการแสดงสปิริตความรับผิดชอบกับนักการเมืองไทยที่ประวัติศาสตร์หักหลังกันมาตลอดทาง ความจริงมันไปกันไม่ได้แล้ว นักการเมืองก็ยังอยากได้ตําแหน่งที่เพิ่มเข้ามา ทั้งที่ไปแก้ไขปัญหาอะไรของบ้านเมืองไม่ได้”
“และที่สําคัญมากกว่านั้นก็คือว่าในส่วนของพี่น้องประชาชนที่ต้องการสําแดงพลังนั้น มันประหลาดที่คนในรัฐบาลแอบไปสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดแบบไม่เป็นทางการนะเพื่อจะสกัดผู้คน จังหวัดไหนให้มา จังหวัดนั้นผู้ว่าฯ อาจจะต้องมีอันเป็นไป สถานการณ์แบบนี้มันอยู่ยากแล้ว มันจวนเจียนจะพังกันเต็มทีอยู่แล้ว
“ความจริง ก็ควรจะดูอารมณ์ของประชาชนนะครับ วันเศษๆ คนบริจาคขนาดนี้ และที่สําคัญที่สุดก็คือว่า อารมณ์ของประชาชนที่เขาแสดงตัวมากมาย นี่คือสิ่งที่เขา คาดไม่ถึง แล้วถึงเวลาถ้าประชาชนยกระดับขึ้นมา จากการเรียกร้องให้ลาออก แล้ว ถ้าวันข้างหน้าเขาขับไล่จะว่ายังไง เพราะฉะนั้นรัฐบาลอย่าเป็นตัวเร่งสถานการณ์ ถ้า รักชาติบ้านเมืองจริง เรื่องเหล่านี้ต้องให้การสนับสนุนเสียด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าทําตัวเป็นก้างขวางคอประชาชน ในเรื่องการรักซึ่งดินแดน รักษาอธิปไตยของชาติ” นายจตุพรกล่าว