เด็ก ปชน.แนะเพื่อไทยหากดึงดันเป็นรัฐบาลต่อ ควรคุมกระทรวงแรงงานเอง เร่งปรับค่าแรงตามที่เคยหาเสียงไว้ เลิกอ้างทำไม่ได้ เพราะพรรคอื่นดูแล
วันนี้ (24 มิ.ย.) นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกระแสการปรับ ครม. ว่า ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่ต่อมามีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พรรคภูมิใจไทยฉวยโอกาสนี้ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและลาออกทุกตำแหน่งรัฐมนตรี หนึ่งในนั้นคือกระทรวงแรงงาน
แม้พรรคประชาชนและภาคประชาสังคมหลายส่วนเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบด้วยการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ แต่ดูเหมือนนายกฯ ปฏิเสธข้อเสนอและยืนกรานจะปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อทำงานต่อ ในฐานะตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้แรงงานงานจึงขอเสนอให้พรรคเพื่อไทยเลือกกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน และเลือกคนที่เข้าใจปัญหาแรงงานอย่างแท้จริงมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่เล่นเก้าอี้ดนตรี สลับคนเข้าเอาคนออกเพื่อสนองผลประโยชน์ส่วนบุคคลโดยไม่พิจารณาถึงความรู้ความสามารถ
ที่ผ่านมา รัฐบาลเพื่อไทยหลีกเลี่ยงตอบคำถาม หรือให้ความเห็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับชีวิตแรงงานมาโดยตลอด แม้กระทั่งค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทที่เป็นนโยบายเรือธง ก็ไม่ถูกบรรจุในนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา โดยพรรคเพื่อไทยทำเฉยเมยและตีกรรเชียงไปว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้ดูแลกระทรวงแรงงาน
กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงที่ผูกพันกับชีวิตคนทำงานหลายสิบล้านคน แม้ไม่ใช่กระทรวงเกรดเอตามเกณฑ์ที่นักการเมืองทั้งหลายหมายปอง แต่เป็นกระทรวงเกรดเอบวกในสายตาของตนเอง มีหลายนโยบายที่หากกระทรวงแรงงานทำสำเร็จ จะเปลี่ยนชีวิตคนทำงานให้ผ่านวิกฤตความทุกข์ยากไปได้
ทั้งนี้ อยากเห็นพรรคเพื่อไทยเลือกที่จะกำกับดูแลกระทรวงแรงงานเอง นำเอานโยบายที่เป็นประโยชน์ที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้มาปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570, การจ้างงานใหม่ 20 ล้านตำแหน่ง, การส่งเสริมการคุ้มครองแรงงานให้เข้าถึงการจ้างงานโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ รวมถึงการเสนอกฎหมายแรงงานให้ทันสมัย ครอบคลุมธุรกิจแรงงานรูปแบบใหม่ เพื่อยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับแรงงานตามที่เคยหาเสียง
“หากนายกฯ แพทองธาร เลือกบุคคลที่เหมาะสม เข้าใจปัญหาและพร้อมผลักดันวาระต่างๆ ให้กับประเทศ นี่จะเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้ประชาชนคนทำงานหลุดพ้นจากความทุกข์ยากได้” นายเซีย กล่าวทิ้งท้าย