xs
xsm
sm
md
lg

วันนั้น “พีระพันธุ์” รทสช. ทำเท่จะเป็นวีรบุรุษ วันนี้คือ "วีระบุหลุด" ที่คนนินทา หมาดูถูก !! ** ถามดังๆ รมว.กลาโหม คนใหม่ เลิก MOU43 - MOU44 –เปลี่ยนตัวหัวหน้าทีมเจรจากับกัมพูชาได้ไหม ยืนยันแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ได้ไหม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค -กรณ์ จาติกวณิช
ข่าวปนคน คนปนข่าว




++ วันนั้น “พีระพันธุ์” รทสช. ทำเท่จะเป็นวีรบุรุษ วันนี้คือ "วีระบุหลุด" ที่คนนินทา หมาดูถูก !!

ดูเหมือนวันนี้ไม่ใช่แค่เพียงเสียงประชาชนที่จัดทัวร์ลง "พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)" โดยเฉพาะ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค ประเด็นที่ "สับขาหลอก" จากช่วงแรกที่มีกระแสคลิป "อังเคิลฮุนกับหลานอิ๊งค์" ที่ถูกประณาม จากทั่วสารทิศ รทสช. ทำขึงขังทำเท่ ว่าได้ยื่น "เงื่อนไข" จะเทรัฐบาลเรียกร้องให้ "แพทองธาร ชินวัตร" รับผิดชอบ!

แต่สุดท้าย ท่าทีขึงขังนั้นก็แค่ "เกมต่อรองทางการเมือง" เพื่อเก้าอี้หรือ "แบ่งชามข้าว" กลายเป็นอยู่ร่วมรัฐบาล ด้วยเหตุผลที่ใครฟังก็ต้องมองหากระโถนอยากจะอาเจียน เพราะเพียงเพื่อตัวเองได้ไปต่อในตำแหน่ง รมว. พลังงานและพลพรรคได้โควต้า รมว.

เสียงอวยยศในแอกชันวันนั้น ประหนึ่ง "วีระบุรุษ" มาวันนี้กลับเป็น "วีระบุหลุด" หลุดจากความน่าเชื่อถือ และศรัทธาของติ่งและคนทั่วไป หลุดไปไกลสุดกู่เกินจะเยียวยา!

แม้แต่ “เพื่อนเก่า” อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยอยู่ด้วยอย่าง “กรณ์ จาติกวณิช” ก็ออกมาโพสต์แรงๆ ถึง "พีระพันธุ์” ว่า จิตสำนึกทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญ นัยยะก็ถามกันตรงๆว่าพีระพันธุ์ น่ะมีมั้ย!? นั่นแหละ

อดีตรมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเชื่อเสมอว่า ปัญหาการเมืองทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้โดยนักการเมือง สำคัญอยู่ที่จะแก้หรือไม่แก้เท่านั้น

...และเมื่อไม่ยอมแก้ ศรัทธาประชาชนจะหดหาย เปิดช่องให้อำนาจพิเศษแทรกเข้ามาได้ เกิดขึ้นอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว
ดังนั้น เมื่อนายกฯพูดออกปาก เรียกคู่ขัดแย้งกับประเทศเราว่า “พวก” แต่กลับเรียกผู้นำกองทัพเราเองเป็น “ฝั่งตรงข้าม” โดยมาตรฐานปกติทางการเมืองในระดับสากล กำหนดว่า “นายกฯต้องลาออก” เพราะการลาออก จะช่วยให้การเมือง “อยู่ในเกม” ถือว่าเป็นการเสียสละโดยผู้มีอำนาจ เพื่อรักษาและส่งเสริมสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเรา ซึ่งก็คือระบอบการปกครองที่ นักการเมืองทุกคนพูดว่ารัก ซึ่งหากนายกฯ ไม่ลาออก ก็เป็นหน้าที่ของ สส. ที่สนับสนุนนายกฯ (ไม่ว่าจากพรรคใด) ที่ต้องทำหน้าที่กดดัน และถ้านายกฯ ยังดื้อ ก็เป็นหน้าที่สส. ต้องเสียสละ ด้วยการถอนตัวจากการสนับสนุนนายกฯ

“ทุกคนมีหน้าที่ของตน ผลักไปให้ผู้อื่นไม่ได้ ถ้าคุณมองว่านายกฯผิด แต่ไม่ทำในสิ่งที่คุณทำได้ และควรทำ คุณก็ผิดเหมือนกัน”

“กรณ์ จาติกวณิช” ในฐานะอดีตสมาชิกประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึง ตามข่าวที่ว่า มติพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่เดิมได้ยื่นเงื่อนไขให้เพื่อไทยเปลี่ยนนายกฯ แต่นาทีนี้ เพื่อไทยเขาชัดแล้วว่า เขาไม่เปลี่ยน

สิ่งที่ยังหวังคือ “พีระพันธุ์” กับ “เอกนัฏ” ในฐานะอดีตเพื่อนร่วมพรรคในสมัยที่เราเคยอยู่ประชาธิปัตย์ด้วยกัน อยากให้ทั้งสอง “ถอยมาตั้งหลัก” สร้างพรรคขึ้นมาใหม่ จากชื่อเสียงที่ดีมาก ที่ทั้งสองสะสมมา

ในวันที่ตัวเลือกทางการเมืองน้อยมากอยู่แล้ว ทั้งสองมีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ เป็นตัวเลือกหลักให้กับหลายล้านคนในการเลือกตั้งครั้งหน้า

“วันนี้ท่านอาจจะคิดเสียดายในอำนาจ และตำแหน่งที่อยู่ในมือ แต่ผมเชื่อว่า การถอยออกมาตั้งหลักเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติมากกว่า ประชาชนจำนวนมากผิดหวังมามากพอแล้ว”

เสกสกล อัตถาวงศ์
อีกด้านหนึ่ง "แรมโบ้อีสาน" เสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ยื่นหนังสือถึง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ขอให้คัดค้านการแต่งตั้ง "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" เป็นรัฐมนตรี

โดยระบุว่าตัวเองเป็นผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งแต่ต้นปี 2564 โดยใช้ "motto" ของ"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ “รวมไทยสร้างชาติ” มาตั้งเป็นชื่อพรรค และในปลายปี 2564 พีระพันธุ์ ได้มาพรรคหาเสียงตอนเลือกตั้ง

วันนี้พรรคก็ยังแอบอิงกับชื่อของ "ลุงตู่" แต่การบริหารงานในพรรค ไม่เป็นไปตามที่ได้มีความตั้งใจไว้ “พีระพันธ์” ทำให้พรรคแตกแยก แตกสามัคคีเป็นกลุ่มเป็นก้อน

“พีระพันธุ์”ในขณะนี้อยู่ระหว่างถูกกล่าวหา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวน เพื่อดำเนินคดีฐานละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีทุจริตแจกถุงยังชีพ

รวมถึง ป.ป.ช.ยังรับไต่สวนคดีซุกหุ้น และเป็นกรรมการบริษัทรวมถึงคู่สมรส ซึ่งมีพยานหลักฐานปรากฏชัดแจ้ง

ประเด็นการถือหุ้นและไม่ได้โอนหุ้นของ “พีระพันธุ์ และคู่สมรส” ถือเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรี ตาม มาตรา 160(6) ซึ่งอยู่ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ไต่สวน อันนำไปสู่การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อถอดถอน พีระพันธุ์

จากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงข้างต้น จึงขอแจ้งข้อเท็จจริงในคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีของ “พีระพันธุ์” ให้แก่นายกฯทราบโดยเร่งด่วน

เพราะเกรงว่าจะซ้ำรอยกับกรณีของ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกฯ ที่ได้แต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี

“แรมโบ้” ยังฟาดตรงๆ ถึงความไม่ชัดเจน ความไม่แน่นอน ไม่มีจุดยืนของ “พีระพันธุ์” เป็นสิ่งที่น่ากลัวและอันตราย

เสกสกล ยังระบุอีกว่า วันนี้พรรคจะเล็กพรรคจะตกต่ำ หรือใครจะย้ายออกจากพรรค แต่ตนต้องการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค และเตือนนายกฯว่าให้ปรับ “พีระพันธุ์”ออกจาก ครม. มิฉะนั้นนายกรัฐมนตรี มาทราบถึงประวัติคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังเพิกเฉยผลร้ายจะกลับไปที่ตัวนายกรัฐมนตรี ตามหลัก "ผลไม้ที่เป็นพิษ" ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารู้ หรือควรจะรู้ เพราะไม่ได้ตรวจสอบมิได้

นอกจากนี้ขอเรียกร้องให้ "วิทยา แก้วภราดัย" และ"จุติ ไกรฤกษ์" ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เคยออกมาประกาศว่า "ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ออก เราจะออกเอง"

ขอถามว่า...ต้องรับผิดชอบกับคำพูดด้วยการลาออกหรือไม่ !? มิฉะนั้นจะต้องเอาปี๊บคลุมหัว

วันนี้ “พีระพันธุ์” และ รสทช.ไม่ได้สร้าง แต่กำลังร่วม "พายเรือ" ให้ "หลานอิ๊งค์ของอังเคิลฮุน" นั่ง จะอยู่ไปแบบให้คนนินทา หมาดูถูก แบบนี้หรือ?!

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์
++ ถามดังๆ รมว.กลาโหม คนใหม่ เลิก MOU43 - MOU44 –เปลี่ยนตัวหัวหน้าทีมเจรจากับกัมพูชาได้ไหม ยืนยันแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ได้ไหม

หลังจาก “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี หารือเรื่องปรับครม. กับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรม โรสวูด กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่าน ถึงวันนี้โผเริ่มนิ่ง โดย “ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็นรองนายกฯควบ และรมว.มหาดไทย “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” เป็น รมช.มหาดไทย “เดชอิศม์ ขาวทอง” เป็นรมช.มหาดไทย

“บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ขึ้นเป็นรมว.กลาโหม “จตุพร บุรุษพัฒน์” ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น รมว.พาณิชย์

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เป็นรองนายกฯควบ รมว.พลังงาน “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เป็นรมว.อุตสาหกรรม ตามเดิม

ในสถานการณ์ที่มีความตึงเครียด ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา คนที่จะมาเป็น รมว.กลาโหม จึงถูกจับตาเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้ มีคู่แคนดิเดตคือ“บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล กับ “พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์” อดีต ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ อดีต ผู้ช่วยผบ.ทบ. และ อดีตผู้สมัคร นายกอบจ.ลพบุรี ของพรรคเพื่อไทย

และยังมีชื่อ “นายกฯอิ๊งค์”สอดแทรกเข้ามาด้วย ว่าอาจจะถ่างควบรมว.กลาโหม เหมือนตอนที่ “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ

แต่ตอนนี้ชื่อ“บิ๊กเล็ก” ค่อนข้างชัวร์

"พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์" เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 31 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง

พล.อ.ณัฐพล เคยเป็นผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เมื่อปี 2531 ต่อมาเป็นอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก อาจารย์วิทยาลัยการทัพบก เป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก ปี 2558 เป็นรองเสนาธิการทหารบก 2559 และหัวหน้าส่วนอำนวยการ สำนักงานเลขาธิการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปี 2559

เป็นเสนาธิการทหารบก และเป็นรองผู้บัญชาการทหารบกปี 2561-2563 จากนั้นโอนย้ายมาเป็นเลขา สมช. ปี 2563
"บิ๊กเล็ก" มีความใกล้ชิดกับ“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาก เพราะนอกจากจะนั่งเป็นเลขาฯ สมช.แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษานายกฯ รวมทั้งเป็น ผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ด้วย

ภายหลังเกษียณอายุราชการ ได้รับแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา) และในรัฐบาลเศษฐา ทวีสิน ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อช่วยประคับประคองงานของ “สุทิน คลังแสง”ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการ ที่มาจากพลเรือน

เมื่อมาถึงรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร " บิ๊กเล็ก ก็ได้เป็น รมช.กลาโหม และ ตอนนี้กำลังจะขึ้นเป็น รมว.กลาโหม

จะเรียกว่า มาใน “โควตาลุงตู่” หรือจะว่า “ลุงตู่” ยังทรงอิททธิพลกับรัฐบาลนี้ ก็ไม่ต่างกันเท่าไร

ในเมื่อปัญหาเขตแดนไทยกัมพูชา เป็นเรื่องใหญ่ที่ตกลงกันไม่ได้ และกำลังวิกฤตอยู่ในขณะนี้ เพราะติดขัดที่ MOU43 - MOU44 และการใช้แผนที่คนละฉบับ โดยของไทยใช้ 1 ต่อ 50,000 ส่วนเขมรใช้ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งเป็นแผนที่ตั้งแต่ยุคฝรั่งเศสล่าอาณานิคม ซึ่งหยาบมาก

เมื่อ“บิ๊กเล็ก”ขึ้นนั่ง รมว.กลาโหม คนไทยจึงอยากเห็นการประกาศยกเลิก MOU43 - MOU44 และยืนยันการใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 รวมทั้ง หากมีการเจรจา ก็ต้องเปลี่ยนหัวหน้าทีมเจรจา ด้วย ไม่เอา “ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย” แล้ว

ทั้งนี้ เพื่อจัดการปัญหาเขตแดนให้สะเด็ดน้ำ ไม่ใช่มาแค่กลบให้เรื่องเงียบ เหมือน “กลบขี้แค่พอให้หายเหม็น”!


กำลังโหลดความคิดเห็น