xs
xsm
sm
md
lg

ตัดเหี้ยน! เค้กกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.75 แสน ล. สัดส่วน มท.จัดลงจังหวัด/กลุ่มจังหวัด/ท้องถิ่น เหลือแค่ 4.6 หมื่น ล. ชง ครม.ก้อนแรก 1.15 แสน ล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตัดเหี้ยน! เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.75 แสน ล. เฉพาะสัดส่วนมหาดไทย จัดลงจังหวัด/กลุ่มจังหวัด/ท้องถิ่น “อดีต มท.1” ตั้งไว้ 6.3 หมื่น ล. คาดเหลือแค่ 4.6 หมื่น ล. เฉพาะ “อปท.” 3.7 หมื่น ล. สำนักงบฯ ให้ได้แค่ 2.3 หมื่น ล. เผย คลัง จ่อชง ครม.อังคารนี้ ไฟเขียวก้อนแรก 1.15 แสน ล. ลงทุนน้ำ 3.9 หมื่น ล. ทบ.ได้ด้วย 980 ล. ลงทุนคมนาคมขนส่ง 4.5 หมื่น ล. ท่องเที่ยว 1 หมื่น ล. สตช.ได้ด้วย 1.1 พัน ล. ลดผลกระทบส่งออก 1.1 หมื่น ล. ภาคเกษตร 160 ล. ภาคแรงงาน 1 หมื่น ล. ดิจิทัล 962 ล. ส่วน เศรษฐกิจชุมชน 9,201 ล. เฉพาะ “กองทุนหมู่บ้าน” 4 พัน ล. เจียดแก้ปัญหา “กองทุน กยศ.” 3.1 พัน ล.

วันนี้ (23 มิ.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ที่ล่าสุดกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่

เฉพาะโครงการที่ผ่านการพิจารณารอบที่ 1 กรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาท จากคำขอทั้งหมด 4.07 แสนล้านบาท หลังจากผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อ 18 มิ.ย.

อย่างไรก็ตาม ในคราวประชุม “คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ” เมื่อ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเสนอโครงการ ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณา วงเงินกว่า 2.27 แสนล้านบาท จากคำขอทั้งหมด 3.42 แสนล้านบาท

เช่น ในส่วนข้อเสนอโครงการของจังหวัด และกลุ่มจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และโครงการ/รายการ “ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณา” ให้ถูกต้อง ครบถ้วน และรอบคอบ

มหาดไทย สภาพัฒน์ สำนักงบประมาณ สำนักเงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ร่วมตรวจสอบจํานวนโครงการ วงเงินข้อเสนอโครงการ แบบเสนอโครงการแล้ว หลังจากพบว่า ตัวเลขโครงการและวงเงินมีความแตกต่างกันมาก

จากการร่วมตรวจสอบ “คำขอ” จํานวนโครงการ ได้กลั่นกรองโครงการ และวงเงิน ที่จังหวัด และกลุ่มจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วงเงินไม่เกิน 63,075 ล้านบาท

เฉพาะคำขอ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ที่ มหาดไทยและสำนักงบฯ เห็นชอบ 25,647 ล้านบาท สศค. เห็นชอบ 23,627 ล้านบาท คำขอของ อปท. มหาดไทย เห็นชอบ 37,428 ล้านบาท และสำนักงบฯ เห็นชอบ 23,116 ล้านบาท

สำหรับคำขอโครงการระดับจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด ใน 5 ภูมิภาค ที่เสนอเข้ามา 5,223 โครงการ งบประมาณ 25,647,395,897 บาท หากแยกเฉพาะจังหวัดขนาดใหญ่ พื้นทีที่่มี สส.พรรคเพื่อไทย มากที่สุด ที่เสนองบประมาณมามากกว่าจังหวัดอื่นๆ

เป็นคำขอโครงการ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จํานวน 15,381 โครงการ 37,428,132,600 บาท

สำหรับโครงการที่ผ่านการพิจารณาแล้ว 1.15 แสนล้านบาท ที่กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ประกอบด้วย

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน 85,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการน้ำ 39,136 ล้านบาท หน่วยงานยื่นขอ เช่น กองทัพบก 980,374,000 บาท กองทัพเรือ 46 ล้านบาท กรมทรัพยากรน้ำและบาดาล 3,748,275,300 บาท

การประปาส่วนภูมิภาค 2,175,229,300 บาท กรมชลประทาน 26,055,444,900 บาท กรมทรัพยากรน้ำ 5,177 ล้านบาท กรมพัฒนาที่ดิน 952 ล้านบาท

การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง มีกรอบวงเงินรวม 45,864 ล้านบาท หน่วยงานยื่นขอ เช่น กรมทางหลวง 29,160 ล้านบาท กรมทางหลวงชนบท 14,725 ล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทย 1,020 ล้านบาท

กรมท่าอากาศยาน 769 ล้านบาท กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 91.8 ล้านบาท สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 42.6 ล้านบาท องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) 42 ล้านบาท บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) 14.8 ล้านบาท

โครงการที่ผ่านแล้ว ด้านการท่องเที่ยว 10,053 ล้านบาท เช่น กรมการท่องเที่ยว 371,237,900 บาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1,133,690,000 บาท

ด้านลดผลกระทบส่งออก/ผลิตภาพ 11,122 ล้านบาท แยกเป็น ภาคการเกษตร 160 ล้านบาท เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 24.8 ล้านบาท กรมอุตุนิยมวิทยา 85 ล้านบนท ภาคแรงงาน 10,000 ล้านบาท

และด้านดิจิทัล 962 ล้านบาท เช่น สำนักปลัดกระทรวงดีอี 284,980,000 บาท สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล 453 ล้านบาท

ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ 9,201 ล้านบาท แยกเป็น กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 4,000 ล้านบาท พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 1,560 ล้านบาท และทุนมนุษย์ด้านการศึกษา 3,641 ล้านบาท เช่น กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 3,100,000,000 บาท เป็นต้น.

เมื่อที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติโครงการแล้ว ในขั้นตอนต่อไป คือตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. - 4 ก.ค. 2568 หน่วยงานต่างๆ จะนำโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. เสนอขอรับจัดสรร “งบกลาง”

รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดยผ่านความเห็นชอบจากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเจ้าสังกัด จากนั้นจึงส่งรายละเอียดโครงการให้สำนักงบประมาณ พิจารณาจัดสรรงบประมาณตามระเบียบต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น