เมืองไทย 360 องศา
เชื่อว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้ารายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของ “อุ๊งอิ๊งค์2” คงเปิดเผยออกมาชัดเจนขึ้น ซึ่งหากดูรายชื่อตามโผที่ออกมาก่อนหน้านี้ คงไม่ทำให้ชาวบ้านเกิดความรู้สึกใดๆ ออกมาอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่มองเห็นตรงกันแล้วว่า ปรับคณะรัฐมนตรีไปก็เท่านั้น ไร้ความหมาย เพราะคนที่ต้องการให้ “ปรับออกทันที” คือ ตัวน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก “ไว้ใจไม่ได้” มีพฤติกรรมที่ถูกมองว่า “ขายชาติ”
ยังถูกมองว่า การเข้ามาทำหน้าที่ผู้นำประเทศ เหมือนกับการเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของ “ครอบครัวชินวัตร” หากพิจารณาจาก “คลิปลับ” ที่ นายฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ผู้มีอำนาจตัวจริง “แกล้งปล่อย” ออกมาก่อนหน้านี้ และเชื่อว่าจะมีคลิปลับทำนองนี้เปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็เป็นคลิปที่แสดงให้เห็น “ห้องพัก” ในกัมพูชา ของสองพี่น้องชินวัตร คือ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระหว่างไปพำนักในกัมพูชา และได้รับการรับรองอย่างดีจาก นายฮุนเซน
แม้ชาวบ้านจะรู้ว่า นี่คือ รายการ “แบล็กเมล์” ต้องการขู่กรรโชกของนายฮุน เซน ไปยัง นายทักษิณ ชินวัตร ทำนองว่า ยังมีอีกหลายคลิป หลายเรื่องที่จะนำออกมาแฉ หากยังไม่หยุดทำให้เขา (ฮุนเซน) ต้องเสียผลประโยชน์ และที่น่าสังเกตก็คือ ทั้ง นายฮุน เซน และ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผู้ลูก พยายามจะสื่อสารออกมาก็คือ “รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ คุมกองทัพไม่ได้” หลังจากที่กองทัพ คือ กองทัพภาคที่ 2 ที่นำโดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง เริ่มทะยอยจำกัดเวลาเข้าออกด่านชายแดน และล่าสุด เริ่มทะยอยปิดด่านแล้ว ทำให้ฝั่งกัมพูชาต้องตอบโต้ด้วยการสั่งปิดด่านเช่นเดียวกัน
อย่างที่รับรู้กันก็คือ ด่านชายแดน โดยเฉพาะบริเวณตรงข้ามกับ ฝั่ง “ปอยเปต” ของกัมพูชา ถือเป็นหัวใจสำคัญของ “กลุ่มผู้มีอำนาจในกัมพูชา” คือ “บ่อนการพนัน” และลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย เมื่อทางกองทัพภาคที่ 2 สั่งเข้มงวดทั้งในเรื่องการเดินทางข้ามแดน โดยเฉพาะคนไทย ทำให้ต้องสูญเสียรายได้มหาศาล จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่า ที่ทำให้ นายฮุนเซน โกรธจัด และหากพิจารณาเนื้อหาในคลิปความยาวกว่า 17 นาที คำพูดที่ น.ส.แพทองธาร พยายามเอาใจ นายฮุนเซน ก็คือ “เวลาการเปิดปิดด่าน” และตามมาด้วยคำว่า “ลุงอยากได้อะไร เดี๋ยวหลานจัดให้”
เมื่อวกมาที่ผลกระทบจากการปล่อยคลิปดังกล่าวของฝ่าย นายฮุนเซน ทำให้ความชอบธรรม และ“ไว้วางใจ” ที่คนไทยมีต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีไทย ผู้นำรัฐบาลไทย ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง สังเกตได้จากสังคมโซเชียล ที่ส่งเสียง ตำหนิ ติเตียน ด่าทอ อย่างรุนแรง รวมไปถึง นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว สูญเสียความชอบธรรม เสียเครดิต อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แน่นอนว่า เมื่อเป็นแบบนี้ย่อมมีเสียงสะท้อนให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากนายกรัฐมนตรีทันที รวมไปถึง ครอบครัวชินวัตร ที่ต้องถอยออกไปจากการเมือง
อย่างไรก็ดี กลับไม่ได้รับการตอบสนอง เมื่อพรรคเพื่อไทย และ นายทักษิณ ชินวัตร ยังเดินหน้าหนุนหลังให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ หลังจากที่ พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกไปแล้ว พร้อมทั้งนำสัดส่วนรัฐมนตรี 8 ตำแหน่ง ที่เคยเป็นโควตาของพรรคภูมิใจไทย มาเกลี่ยให้กับพรรคร่วมรัฐบาลและ “กลุ่มงูเห่า” ที่ถูกดึงเข้ามาเติมเสียงสนับสนุนให้กับรัฐบาล
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก สรวงศ์ เทียนทอง ปฏิเสธข่าวที่ระบุ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจตอบรับข้อเสนอจากพรรคการเมืองบางพรรค ด้วยการลาออก หรือยุบสภา หลังผ่านการลงมติ ร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระที่สามนั้น
ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอเรียนชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤตภาษีทรัมป์ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการเจรจาอย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากคู่เจรจา
รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกันก็มีการเผยแพร่โผคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่เรียกว่า “อุ๊งอิ๊งค์ 2” ออกมา ซึ่งเป็นการนำ โควตารัฐมนตรี 8 ตำแหน่ง ที่เคยเป็นของพรรคภูมิใจไทย มาเกลี่ยให้กับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังเหลืออยู่ รวมไปถึงกลุ่ม “งูเห่า” ที่ถูกดึงเข้ามาเพิ่ม
อย่างไรก็ดีนาทีนี้หากพิจารณาจากปฏิกิริยาจากสังคมทั่วไปมองเห็นตรงกันแล้วว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องลาออกไป หรือไม่ก็ต้องยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชนเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ยังมีเสียงกดดันไปยังพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ให้ถอนตัวออกจากรัฐบาล เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ แต่จากมติพรรคของทั้งสองพรรคดังกล่าว ก็ยังเดินหน้าสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ต่อไป อ้างว่า เพื่อทำให้ภารกิจสำคัญสำเร็จ
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ แม้มีรายงานว่า มีเงื่อนไขให้ น.ส.แพทองธาร ลาออกจากนายกรัฐมนตรี และให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เป็นนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ที่เหลืออีกคนหนึ่ง ที่พวกเขาบอกว่ารับได้ โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคนำเงื่อนไขดังกล่าวนี้เข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ซึ่งตามข่าวอ้างว่า มีการต่อรองให้น.ส.แพทองธาร ลาออกหลังจากร่างงบประมาณปี 69 ผ่านวาระ 3 ในเดือนตุลาคมไปก่อน
แต่ถึงอย่างไร เมื่อพิจารณาจากท่าทีของเลขาธิการพรรคเพื่อไทย คือ นายสรวงศ์ เทียนทอง ย้ำว่า ไม่ลาออก ไม่ยุบสภาอย่างแน่นอน ทำให้เกิดคำถามและแรงกดดันพุ่งเป้าไปที่ พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคคือ รวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะรวมไทยสร้างชาติ ที่มองว่าเป็น “ดีเอ็นเอลุงตู่” จะยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่ หรือว่าจะ “กอดคอ จมน้ำไปด้วยกัน”
ดังนั้น นาทีนี้หากพิจารณาจากอารมณ์และความรู้สึกของสังคมที่มีต่อ รัฐบาล ต่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือว่าพวกเขาหมดความชอบธรรมไปแล้ว ต้องลาออกหรือไม่ก็ยุบสภาเท่านั้น แม้ว่าจะพยายามดิ้นรนด้วยการปรับคณะรัฐมนตรีอย่างไรก็ถือว่าไร้ความหมายแล้ว ขณะเดียวกันแรงกดดันเวลานี้ยังพุ่งเป้าไปถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าจะถอนตัวออกมาหรือไม่ หรือว่าจะกอดคอตายไปพร้อมกัน !!