xs
xsm
sm
md
lg

สภาผู้บริโภคห่วงแก้กฎ ม.33 ทำอาคารสูงซอยแคบพุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สภาผู้บริโภควอนกรมโยธาฯไม่แก้ไขกฎกระทรวง ในพ.ร.บ. ควบคุมอาคาร ฉบับที่ 33 เหตุส่งผลกระทบให้เกิดอาคารสูงในซอยแคบมากขึ้น หวั่นแก้นิยามเขตทางพื้นผิวจารจรไม่ถึง 6 เมตร กระทบรถดับเพลิงเข้าไม่ได้ส่งผลความไม่ปลอดภัยต่อชุมชน

วันนี้(21มิ.ย.)นายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย กล่าวกรณีกรมโยธาธิการและผังเมืองจะแก้ไขกฎกระทรวง ในพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขว่า หากมีการแก้ไข กฎหมายฉบับที่ 33 จะส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหนัก เนื่องจาก ระบบการก่อสร้างอาคารของทั้งประเทศรวมถึงตึกที่ถล่ม มีปัญหามาตรฐานการก่อสร้าง ซึ่งมีองค์ประกอบ ขั้นตอนการขออนุญาต การมีส่วนร่วมของประชาชน การก่อสร้างไม่ตรงแบบ การตีความกฎหมาย การเลี่ยงกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย

“ปัญหาขั้นตอนการขออนุญาต มีความพยายามทำให้ขั้นตอนการขออนุญาตมีความรวดเร็ว โดยกลุ่มทุนได้รับความรวดเร็ว พร้อมความหละหลวมและทุจริต ขณะภาคประชาชนเดือดร้อนมีอาคารขนาดใหญ่แทรกเข้ามาในชุมชนอย่างประหลาด แม้จะเป็นชุมชนที่มีถนนเล็กและแออัด เมื่อสร้างแล้วมีโอกาสน้อยมากที่จะถูกทุบ “

สำหรับความความเดือดร้อนหลักๆ ของชาวบ้านคือเรื่องเขตทาง มีความพยายามมุบมิบแก้ไขกฎหมาย ลดช่องว่างการตีความโดยมีเจตนาเอื้อต่อใคร มีการสร้างอาคารสูงไม่สัมพันธ์กับความกว้างถนนที่กำหนดไว้ต้องมีขนาด 6 เมตา แต่อาคารสร้างไม่ตรงปก ทั้งๆที่กฎหมายกำหนดเพื่อป้องกันอัคคีภัย ปรากฏว่าแบบขออนุญาตกับแบบเพื่อนำไปขายไม่ตรงกัน ซึ่งผิดกฎหมาย

“เวลาเกิดเพลิงไหม้ชาวบ้านได้รับผลกระทบไปด้วย มีผลต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนอย่างชัดเจน เวลาอนุมัติแล้วประชาชนได้รับผลกระทบ ต้องรับฟังประชาชนคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริงไม่ใช่เพื่อประโยชน์คนบางกลุ่ม เนื่องจากถนนกว้าง 6 เมตรสัมพันธ์กับรถดับเพลิงที่จะสามารถเข้าไปทำงานได้ จุดรวมพลบางครั้งถูกนำไปทำสระว่ายน้ำ ในเมื่อมีการร่างกฎหมายโดยประชาชนไม่มีส่วนร่วม ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่สัมพันธ์กับความต้องการประชาชน”

นายก้องศักดิ์กล่าวด้วยว่า ภาคธุรกิจห่วงความล่าช้าเพราะมีคนรออยู่ แต่ภาคประชาชนห่วงใยความถี่ถ้วนละเอียดรอบคอบและความเห็นประชาชนไม่ใช่เพียงร่างที่รัฐทำขึ้นมา ควรนำมาให้ประชาชนได้ดู ไม่เช่นนั้นประชาชนจะได้รับผลเสีย จึงไม่เห็นด้วยหากมีการแก้ไขเพื่อเอื้อให้นายทุนสร้างอาคารในพื้นที่แคบๆได้

นอกจากนี้ยังพบว่า การก่อสร้างโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยภายในอาคาร และบริเวณโดยรอบอาคาร เช่น การก่อสร้างโดยเลี่ยงกฎหมายบางข้อ อาทิ การไม่ก่อสร้างถนน 6.00 เมตรรอบอาคารโดยปราศจากสิ่งปกคลุม ดังนั้นการแก้กฎกระทรวง ฉบับที่ 33 จะเป็นอุปสรรคต่อการเข้าระงับเหตุอัคคีภัย เอื้อประโยชน์ต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในการก่อสร้างอาคารบริเวณพื้นที่ชุมชน เป็นการแก้ไขกฎหมายโดยขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน

“รถดับเพลิงขนาดใหญ่เข้าไปไม่ได้ หากอาคารตั้งอยู่ในซอยแคบ เขตทางไม่ถึง 8 เมตร หรือผิวจราจรไม่ถึง 6 เมตร:รถกระเช้าไม่สามารถเข้าใกล้อาคารได้เพียงพอขาหยั่งไม่สามารถกางได้เต็มที่ ทำให้ไม่สามารถยกกระเช้าขึ้นได้อย่างปลอดภัยในบางกรณี รถดับเพลิงอาจ “เข้าไม่ได้เลย” หรือ “ต้องจอดไกลเกินกว่าจะฉีดน้ำถึง” ทำให้เกิดผลกระทบและความไม่ปลอดภัย”

ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณธและประชาชน ขณะที่การแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ในครั้งนี้ทำให้เกิดการสร้างอาคารขนาดใหญ่จำนวนมากในซอยเล็กซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบในเชิงลบและสร้างภาระให้กับประชาชนเป็นร่างกฎกระทรวงที่ใช้การไม่ได้อันตรายมาก เพราะจะรวมเอาเขตทาง คูน้ำหรือเสาไฟฟ้าที่ขวางการจราจร มานับเป็นผิวทางจราจร ทำให้ผิวถนนไม่ถึง 6 เมตร

"ในปัจจุบันที่บังคับใช้อยู่ กทม. ได้ตีความเข้าข้างตึกสูงอยู่แล้ว ให้ใช้กำแพงชนกำแพง แต่เมื่อแก้ไขกฎหมายคำว่า “อื่นๆ” จะทำให้มีสิ่งกีดขวางรอบอาคาร ตลอดจนถนนทางเข้าอาคารสูงมีขนาดเล็กไม่ถึง 6 เมตรจนรถดับเพลิงให้ช่วยเหลือ กรณีเกิดภัยพิบัติไม่ได้ จึงอย่าแก้กฎหมายให้เลวลงเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้วตึกสูงจะถูกยัดเข้าไปในซอยแคบโดยเฉพาะในเขตกทม."


กำลังโหลดความคิดเห็น