ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าแผนกวิจัย สำนักวิจัย มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง (กรกฎาคม-ธันวาคม 2568) ระหว่างวันที่ 10-17 มิถุนายน 2568 จากจำนวน 1,020 ตัวอย่าง โดยเป็นประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่ค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 95 พบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- มิ.ย. 2568) ท่านประเมินว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร ประชาชนเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในภาวะ แย่ลงมาก ร้อยละ 53.8 แย่ลงเล็กน้อยร้อยละ 30.8 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 11.5 ดีขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 3.8 และดีขึ้นมาก ร้อยละ 0.1
ปัจจัยใดที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุดในปัจจุบัน ประชาชนเห็นว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจใน 5 อันดับแรก ได้แก่ ค่าครองชีพสูง (อาหาร, พลังงาน) ร้อยละ 61.5 ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ร้อยละ 53.8 การบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา ร้อยละ 50.0 สภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ร้อยละ 50.0 และ ความไม่แน่นอนทางการเมือง/นโยบายรัฐบาล ร้อย 34.6
ท่านคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง (ก.ค.- ธ.ค. 2568) จะมีทิศทางอย่างไร เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก? พบว่า ประชาชนเห็นว่าทิศทางเศรษฐกิจเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังอยู่ในภาวะชะลอตัวลงอย่างมาก ร้อยละ 32.0 คงที่/ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ร้อยละ 28.0 ชะลอตัวลงเล็กน้อย ร้อยละ 24.0 ขยายตัวดีขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 8.0 ขยายตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน และไม่มีความเห็น ร้อยละ 4.0
ท่านมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมากน้อยเพียงใด? พบว่าประชาชนไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 65.4 ไม่มีความมั่นใจเลย ร้อยละ 30.8 และค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 3.8
ปัจจัยใดที่ท่านมองว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง พบว่าปัจจัยที่จะช่วยขับเคลือนเศรษฐกิจไทย 5 อันดับแรกได้แก่ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ร้อยละ 65.4 การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ร้อยละ 50.0 ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น ร้อยละ 34.6 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ (เช่น จีน, สหรัฐฯ, ยุโรป) ร้อยละ 30.8 และ การลงทุนภาครัฐ (โครงสร้างพื้นฐาน) การขยายตัวของดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ ร้อยละ 26.9
ปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง พบว่า ปัจจัยที่อาจฉุดรั้งเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือน/หนี้เสียภาคธุรกิจ ร้อยละ 65.4 ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ร้อยละ 50.0 การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทผันผวนรุนแรง ร้อยละ 38.5 และ อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 34.6
แนวโน้มที่จะปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายในครึ่งปีหลังอย่างไร พบว่า ประชาชนตั้งใจจะใช้จ่ายน้อยลง (ประหยัดมากขึ้น) ร้อยละ 50.0 ใช้จ่ายน้อยลงอย่างมาก (รัดเข็มขัด) ร้อยละ 38.5 และ ใช้จ่ายมากขึ้นเฉพาะสินค้าจำเป็นเท่านั้น ร้อยละ 11.5
ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ ผศ. ดร. สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ โทร.086-400-6795