นายกฯ อุ้มลูก ควงสามีเข้าทำเนียบฯ นั่งหัวโต๊ะประชุม 7 ผู้ว่าฯ ชายแดน ไทย-กัมพูชา ขอช่วยกันทำงาน ดูแลบังเกอร์-ยาเสพติด-ความปลอดภัย ปชช. ยัน รัฐบาลไม่ทิ้งกระทรวงไหน ก่อนบินอุบลฯ เคลียร์ใจแม่ทัพภาคที่ 2
เมื่อเวลา 08.25 น.วันที่ 20 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล มีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี โดยนายกฯอุ้ม ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ หรือน้องธาษิณ ลูกชาย มาด้วย มีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้า นายกฯ และสามี ได้ไปทำบุญที่วัด เนื่องในวันเกิดของนายปิฎก อายุครบ 43 ปี
จากนั้นเวลา 09.00 น.นายกฯ เป็นประธานการประชุมติดตามดูแลการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดน โดยมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายปิยะ ปิจนำ ผู้วาราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกษ ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธาน นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ขอเชิญทุกคนพูดคุยเรื่อง สถานการณ์ ชายแดน และการรับมือ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ที่เราเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงอยากให้ทุกคนทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ประเทศชาติอย่างเข้มแข็ง ตรงนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนที่อาสามาอยู่ตรงนี้ ได้ดูแลประชาชนมาในระยะเวลาที่ต่างกัน บางคนก็อยู่มานาน คิดว่าการที่เอาประเทศชาติเป็นหลักก็จะทำให้ทราบเป้าหมายว่าจะไปทางไหนต่อ วันนี้ทุกคนประสบปัญหาเรื่องชายแดน จึงจะมีข้อสั่งการหลังจากที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ได้รับรายงานถึงหลุมหลบภัยและบังเกอร์ ซึ่งได้คุยกับปลัดกระทรวงมหาดไทย ถึงการทำเพิ่มเติม พร้อมย้ำให้ดูเรื่องคุณภาพของบังเกอร์ที่มีมีอยู่ เพราะไม่แน่ใจว่าบังเกอร์ที่ทำกันเองวัสดุที่ไม่ได้ใช้จากของรัฐ ทำกันอย่างรวดเร็ว จะสามารถป้องกันได้มากน้อยแค่ไหน จึงขอให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัดช่วยดูให้ดีว่าสามารถดูแลความปลอดภัยประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน และดูแลความปลอดภัยได้จริง
นอกจากนั้น ได้พูดคุยกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งเรื่องกำลังพลและยุทธภัณฑ์ ที่ยังไม่เพียงพอหรือไม่อัปเดต ให้กองทัพช่วยดูว่าต้องพร้อมอยู่เสมอ เพราะไม่อยากให้ประชาชนเป็นห่วง เรายึดสันติภาพและหลีกเลี่ยงการประทะ แต่ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย เราต้องพร้อมเพื่อรักษาชีวิตของทหารที่อยู่ชายแดนเป็นหมื่นคน ที่ต้องดูแล
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลเน้นย้ำ เรื่องความปลอดภัย ในชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ตามที่เคยบอกไปว่ามหาดไทยเป็นบ้าน ทหารคือรั้ว มหาดไทย ต้องดูแลคนในบ้านให้ปลอดภัยอยู่เสมอ ขอให้ผู้ว่าฯ 7จังหวัด นายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัก ซึ่งรัฐบาลคุยเรื่องการไม่ปะทะไม่เกิดความรุนแรง แต่ให้เตรียมพร้อมหากสมมติเกิดเหตุการณ์ปะทะ โรงพยาบาลและบุคลากรต้องพร้อม ซึ่งพื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่สำคัญ ขอฝากให้ดูตรงนี้ควบคู่ไปกับเรื่องยาเสพติด ในพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะแค่ 7 จังหวัดนี้ ซึ่งที่ผ่านมาสามารถปราบไปได้เยอะ และสามารถจับล็อตใหญ่ได้แต่ก็ยังมีมีอยู่ในหมู่บ้านและชุมชน ที่เป็นล็อตเล็กแต่กระจายถึงชาวบ้าน ขอให้ช่วยผู้เป็นหูเป็นตา รวมถึงดูแลความปลอดภัยชาวบ้านที่แจ้งข้อมูลเรื่องยาเสพติด ไม่ให้เกิดความกลัว จนไม่กล้าบอกข้อมูลกับผู้ว่าฯหรือผู้ใหญ่บ้าน ต้องทำให้เกิดความมั่นใจที่จะกล้าบอกเรื่องในชุมชน
“ให้สร้างความมั่นใจกับประชาชน อย่าให้มีเรื่องเฟกนิวส์ ที่เป็นข่าวลือว่าจะถูกทำอย่างนั้นอย่างนี้ โดยขอให้ฟังข้อมูลจากเพจข่าวที่เป็นทางการเป็นหลัก ได้เจอผู้ว่าฯ 7 จังหวัดมาหลายครั้ง ได้ทำงานร่วมกันและทราบฝีมือ จึงมั่นใจว่า ทุกคนสามารถทำประโยชน์ และทำงานอย่างต่อเนื่อง และขอให้ช่วยกันทำงานให้เข้มแข็งที่สุด สัญญาว่ารัฐบาล ไม่ทิ้งกระทรวงไหนแน่นอนเพราะทุกกระทรวงสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ โดยขอให้ยึดเป้าหมายเป็นสำคัญและให้ทุกคนมั่นใจตรงนี้”