กรุงเทพฯ – วันที่ 18 มิถุนายน 2568 นายพรศักดิ์ สุวรรณ นักกฎหมายอิสระ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรณีรับจ้างเป็นที่ปรึกษาแผนงานวิจัยรับค่าตอบแทนรายเดือนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. ซึ่งอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหลายฉบับ ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอนของสำนักงานฯ ต่อไป
นายพรศักดิ์ สุวรรณ นักกฎหมายอิสระ เปิดเผยว่า การยื่นเรื่องร้องเรียนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมายและจริยธรรมในการดำรงตำแหน่งของกรรมการองค์กรอิสระ แม้กรณีนี้จะเคยปรากฏเป็นข่าวในสาธารณะ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดดำเนินการตรวจสอบ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวอาจกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ และทำให้รัฐเสียประโยชน์โดยไม่รู้ตัว การร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. จึงไม่เพียงเป็นการเรียกร้องความโปร่งใสในกระบวนการบริหารงานขององค์กรอิสระ แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดทางให้ข้อเท็จจริงได้รับการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ ยังระบุเพิ่มเติมว่า “การตรวจสอบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่ต้องการรู้ข้อเท็จจริง และในขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้ ดร.พิรงรองฯ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ได้ชี้แจงต่อข้อสงสัยและข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นผ่านกระบวนการขององค์กรอิสระที่มีอำนาจโดยตรงและน่าเชื่อถือที่สุดอย่าง ป.ป.ช.”
ในคำร้องมีการแจกแจงอย่างชัดเจนถึง 4 ประเด็นหลักที่อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ได้แก่ ประเด็นที่1 ขัดคุณสมบัติตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 8 (2): ห้ามกรรมการ กสทช. เป็นลูกจ้างหรือที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐ โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมจัดเป็นหน่วยงานรัฐภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา การรับตำแหน่งที่ปรึกษาพร้อมค่าตอบแทนจึงอาจขัดต่อบทบัญญัตินี้ และส่งผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 20 (5)
ประเด็นที่ 2 ฝ่าฝืนหน้าที่ “เต็มเวลา” ตามมาตรา 26: กรรมการ กสทช. ต้องปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา การรับงานนอกกับหน่วยงานอื่นอาจสะท้อนถึงการละเลยหน้าที่หลัก ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ประเด็นที่ 3 รับทรัพย์สินนอกเหนือจากที่กฎหมายอนุญาต ตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาตรา 128: เจ้าหน้าที่รัฐห้ามรับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท เว้นแต่ตามธรรมจรรยา กรณีนี้มีการรับค่าตอบแทนรวม 50,000 บาท และไม่เข้าเกณฑ์ข้อยกเว้นทางจริยธรรมที่กำหนดไว้โดย ป.ป.ช.
ประเด็นที่ 4 อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157: กรณีที่การใช้เวลาราชการหรืออำนาจหน้าที่ไปแสวงหาประโยชน์ส่วนตน หรือทำให้ราชการเสียหาย ถือเป็นความผิดอาญาฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
หนังสือร้องเรียนในครั้งนี้แนบเอกสารประกอบอย่างครบถ้วน อาทิ สำเนาข่าวเผยแพร่, สำเนาประกาศแต่งตั้ง, โครงสร้างหน่วยงานของรัฐ, คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และคำอธิบายของ ป.ป.ช. เรื่องการรับทรัพย์สินโดยธรรมจรรยา เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ดำเนินไปอย่างเป็นธรรม รอบด้าน และยึดหลักนิติธรรม