เมืองไทย 360 องศา
ในสถานการณ์ที่รัฐบาลตกที่นั่งลำบาก ทั้งในเรื่องภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี การไร้ผลงานของรัฐมนตรี ที่ส่วนใหญ่ถือว่า มีศักยภาพต่ำกว่ามาตรฐาน โดยสะท้อนจากผลสำรวจล่าสุดต่างออกมาเรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรียกเสียงร้องให้ปรับรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยเสียเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวหรือมีความพยายามปรับคณะรัฐมนตรี โดยถูกมองว่ามี “เป้าหมายทางการเมือง” หรือ ต้องการความได้เปรียบในการเลือกตั้งเท่านั้น และกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ยังเริ่มมาจาก นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกมองว่ามีอิทธิพลในรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และยังเป็น “พ่อนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อีกด้วย โดยเขามีความต้องการ “ยึด” โควตากระทรวงมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย มาอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงกระทรวงหลักอื่นๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาในสถานการณ์จริง แม้ว่าหากมองจากแบ็กกราวด์ของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา โดยเฉพาะความต้องการของ “เจ้าของพรรค” ที่ต้องได้ เวลาปรับคณะรัฐมนตรีกันแล้ว อย่างน้อยในทุก 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้เกิดการหมุนเวียน และเกมต่อรองของกลุ่มทุนสนับสนุนภายในพรรคก็ว่ากันไป
แต่สำหรับคราวนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปแทบจะสิ้นเชิง กลายเป็นว่า “อำนาจต่อรอง” แทบจะไม่เหลือแล้ว ทำให้การปรับคณะรัฐมนตรี เป็นไปด้วยความยากลำบาก และไม่ได้ดังใจเหมือนที่ผ่านมา
อีกทั้งด้วยสภาพของรัฐบาลผสมที่ต้องพึ่งพาเสียงสนับสนุนของพรรคร่วมรัฐบาล และหากมองกันถึงตัวเลขทางคณิตศาสตร์ ก็จะเห็นว่าพรรคภูมิใจไทย ถือว่าเป็นพรรคร่วมหลัก มีจำนวน ราว 69 เสียง หากถอนตัวออกไปก็จะทำให้เสียงของรัฐบาล “ปริ่มน้ำ” ทันที ขณะเดียวกัน เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่มีร่องรอยว่า มีการผนึกกำลังกันกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ในอีกซีกหนึ่ง เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำว่า ยังนั่งเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย และยืนยันท่าทีเดิมอย่างแข็งกร้าวว่า หากโดนยึดโควตากระทรวงมหาดไทยไปก็เป็นฝ่ายค้าน
“ย้ำครับ ใช่ครับ” ถามย้ำว่า ต้องรักษาเก้าอี้มหาดไทยไว้ให้ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ใช่ครับ เป็นไปตามข้อตกลงของการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่า อยู่ในการเมืองมานานอ่านเกมออกหรือไม่ว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยไม่ให้กระทรวงมหาดไทยแน่ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดว่าไม่มีเกมอะไร ภูมิใจไทยไม่ให้แน่
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นัดหารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี โดยมีรายงานว่า ได้มีการขอคืนเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย มาให้พรรคเพื่อไทยดูแล แต่ นายอนุทิน ไม่ยินยอม โดยใช้เวลาพูดคุยกันนานนับชั่วโมง และได้กลับออกไป จากนั้นนายอนุทิน ก็ได้ไปประชุมร่วมกับ รัฐมนตรี และ ส.ส.ของพรรค ที่พรรคภูมิใจไทย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอทวงคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะทำให้เกิดความคลางแคลงใจในการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีเรื่องการพูดถึงกระทรวงมหาดไทย เมื่อวานเป็นการพูดเรื่องงาน ตนเห็นนายอนุทิน ก็พูดชัดเจนว่า เป็นการพูดคุยเรื่องยาเสพติด เรื่องชายแดน และเรื่องงานต่างๆ ไม่ได้มีการพูดเรื่องครม. ซึ่งตนก็ไม่รู้ใครพูด เอาคนพูดมา
“จริงๆ ตอนนี้เรากำลังทำงาน มีงานเดิมที่เราต้องเอาจริงเอาจังอยู่ คือเรื่องของยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ และอีกส่วนคือเรื่องกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะหน้าที่กำลังดำเนินการ ตนเจอนายกรัฐมนตรี ก็คุย 2-3 เรื่องนี้ เรื่องกัมพูชาตอนนี้เป็นเรื่องหลัก เรื่องปรับครม. ยังไม่ได้พูดอะไรกันเลย”
สอดคล้องกับคำพูดของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการพูดคุยกับนายอนุทิน ว่า ยังไม่มีการพูดคุย คุยแต่เรื่องเนื้องานในนโยบายที่จะขับเคลื่อนที่ยังติดขัดในบางจุด ซึ่งได้บอกไปแล้วว่า ตรงไหนอยากให้มีการขยับมากยิ่งขึ้น ซึ่งระหว่างนี้นายกรัฐมนตรีได้หันไปมองหานายอนุทินด้านหลัง ก่อนจะกล่าวว่าไม่ได้มา
แม้ว่าภาพที่ต้องการสื่อออกมาแสดงให้เห็นว่าไม่ได้คุยกันเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี หรือ ทวงเก้าอี้มหาดไทย แต่เมื่อแกะจากคำพูดของ นายอนุทิน และท่าทีของ นายกรัฐมนตรีแล้ว ก็มองเห็นชัดเจนว่า มีความพยายามของเก้าอี้มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย แต่ได้รับการปฏิเสธไปด้วยท่าทีแข็งกร้าว
สิ่งที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า “อำนาจต่อรอง” ของแต่ละฝ่าย แม้ว่าจะดูคู่คี่ ก้ำกึ่งกัน แต่หากพิจารณาในบริบทภาพรวมแล้ว นาทีนี้ถือว่าฝ่ายภูมิจไทย ยังได้เปรียบ “แบบเหลื่อมๆ” และเมื่อบวกลบตามตัวเลขคณิตศาสตร์เสียงสนับสนุนแล้ว เมื่อเวลานี้ “ดีลมะขามหวาน” ที่เป็นทีม ส.ส.ของนายสันติ พร้อมพัฒน์
จากจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่น้อยกว่า 6 คน เทมาทางภูมิใจไทย ชัดเจนแล้ว หลังจากมีการอนุมัติตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้กับ นางจิตรา หมีทอง คนในทีมของ นายสันติ เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน และหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี ก็ภาพการรับประทานอาหารร่วมกัน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยมี นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย เข้าร่วมด้วย
หากพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว การปรับคณะรัฐมนตรี คงต้องเลื่อนออกไปก่อน ส่วนจะนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะหน้าในเวลานี้ แต่เอาเป็นว่าในตอนนี้ สำหรับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คงไม่กล้าขยับมากนัก เพราะกลัวเกิดอาการกระเพื่อม และหากมีการปรับจริง ก็น่าจะเป็นแค่หมุนเวียนภายในพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นก็ยังไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอยู่กันแบบนี้ไปก่อน ส่วนโควตามหาดไทย คงต้องถอยไปก่อน
แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ หรือปรับเมื่อไหร่ก็ตาม คงไม่ได้ทำให้ความคาดหวังของชาวบ้านดีขึ้น เชื่อว่ากระแสตอนนี้น่าจะเป็นการกดดันให้เปลี่ยนตัวนายกฯมากกว่า และเชื่อว่าจะดังขึ้นเรื่อยๆ !!