ค้างคามานาน! ก.ก.ถ. รับลูกท้องถิ่น ร้องมหาเถร ผ่าน พศ. ขอยกเว้น ไม่จ่าย "ค่าเช่าที่ดิน ที่ร้าง ของวัด" เพิ่มร้อยละสิบห้า ทุกระยะเวลาการเช่า 5 ปี อ้างเหตุดำเนินการ "เช่า"ตามกิจการบริการสาธารณะไม่ใช่เชิงพาณิชย์ เผยที่ผ่านมา พศ. เคยมีหนังสือตอนกลับ "ไม่มีกรณียกเว้น" หลัง 3 สมาคม อปท. เคยทำหนังสือ อ้างมีอำนาจ "จัดเก็บภาษีทรัพย์สินวัด" แต่ยังไม่ขอดำเนินการ
วันนี้ (17 มิ.ย. 2568) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ครั้งที่ 1/2568 ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เป็นประธาน
มีวาระเห็นชอบ การขอยกเว้นค่าเช่าที่ดินวัดสำหรับกิจการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อดำเนินการจัดทำบริการสาธารณะ หลังจาก ฝ่ายเลขานุการ ก.ก.ถ. เสนอ
เห็นว่า เพื่อให้ อปท. ไม่ต้องรับภาระทางด้านงบประมาณเพิ่มขึ้น สำหรับการจัดทำบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น
"ไม่ต้องรับภาระค่าเช่า ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับการเช่าที่ดินวัด ที่วัดร้าง ที่ศาสนสมบัติกลาง และหรือสิ่งปลูกสร้าง สำหรับกิจการที่ อปท. ดำเนินการจัดทำบริการสาธารณะที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์"
โดยมติ ดังกล่าว ฝ่ายเลขานุการฯ จะเสนอเพื่อให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
มีรายงานว่า ที่ผ่านมา พศ. ได้ออกประกาศสำนักงานฯ เรื่อง การกำหนดอัตรา ค่าเช่า และค่าตอบแทน ที่วัดร้าง ที่ศาสนสมบัติกลาง และหรือสิ่งปลูกสร้างสำหรับหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร พ.ศ. 2567 ลงวันที่ 8 มกราคม 2567
ระบุตาม ข้อ 5 อัตราค่าเช่าที่วัดร้าง ที่ศาสนสมบัติกลาง และหรือสิ่งปลูกสร้าง สำหรับหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ได้ทำสัญญาเช่าใหม่
โดยมีวัตถุประสงค์การเช่าเพื่อเป็นที่ตั้งสถานพยาบาล สถานศึกษา ฌาปนสถาน สวนสาธารณะ สนามกีฬา ลานกีฬา สถานที่ตากพืชผลทางการ เกษตร ประปาหมู่บ้าน และสถานสงเคราะห์เด็ก คนชรา และผู้ด้อยโอกาส
"ให้คิดค่าเช่าต่อปีในอัตราร้อยละหนึ่ง ของราคาประเมินที่ดินของทางราชการ โดยปรับเพิ่มร้อยละสิบห้าทุกระยะเวลาการเช่า 5 ปี"
ข้อ 11 ระบุว่า ให้งดเก็บค่าธรรมเนียมการเช่า เงินบำรุงศาสนสมบัติ และเงินประกันการเช่าจากหน่วยงานรัฐ และองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร
ขณะที่ผ่านมา สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย มีหนังสือตอนหนึ่ง ถึง หลายหน่วยงาน เมื่อ 20 พ.ค.2567 ระบุว่า
"ตามอำนาจหน้าที่ของ อปท. สามารถเรียกจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สินของวัดได้ แต่ อปท. ยังมิได้ดำเนินการจัดเก็บภาษี แต่อย่างใด หากกรณี พศ. ไม่ยกเว้นการจัดเก็บค่าเช่าที่ดินของวัด อปท.จะดำเนินการจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สินของวัด ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป"
มีรายงานด้วยว่า ก.ก.ถ. ได้แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาแนวทางให้ อปท.ขอใช้ประโยชน์ที่ดินของวัด ที่ราชพัสดุ และที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อการจัดบริการสาธารณะ
ขณะที่ คณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาและมีข้อเสนอให้ พศ. เสนอมหาเถรสมาคม
"เพื่อมีมติยกเว้นค่าเช่าตามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. 2567 "เป็นการเฉพาะราย"
กรณีมีหน่วยงานของรัฐเสนอเรื่องมายัง พศ. ซึ่ง มหาเถรสมาคมในการประชุมครั้งที่ 24/2567 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 ได้พิจารณาและมี มติที่ 748/2567
ให้ดำเนินตามประกาศสำนักงาน พศ. เรื่องการกำหนดอัตราค่าเช่าและค่าตอบแทน ที่วัดร้าง ที่ศาสนสมบัติกลาง และหรือสิ่งปลูกสร้าง สำหรับหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร พ.ศ. 2567 "โดยไม่มีกรณียกเว้น"
ต่อมา คณะอนุกรรมการบริหารแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านการถ่ายโอนภารกิจ
ได้มีมติ กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา โดยการขอยกเว้นค่าเช่าที่ดินวัด ที่วัดร้าง ที่ศาสนสมบัติกลางและ หรือสิ่งปลูกสร้างสำหรับกิจการที่ อปท. ดำเนินการจัดทำบริการสาธารณะที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ โดยในวันนี้ ก.ก.ถ.ได้มีมติ เพื่อส่งเรื่องถึง พศ.ต่อไป.