xs
xsm
sm
md
lg

ฮั้ว สว.คดีเจตนาทุจริต...แต่ "อนุทิน" บอกเป็นเรื่อง "การเมือง" ว่าซั่น! ** “ทักษิณ-เนวิน” แย่งกันดูด “ก๊วนมะขามหวาน” เพชรบูรณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล - ทักษิณ ชินวัตร - เนวิน ชิดชอบ
ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ ฮั้ว สว.คดีเจตนาทุจริต...แต่ "อนุทิน" บอกเป็นเรื่อง "การเมือง" ว่าซั่น!

ช่วงนี้สง่าราศี โหงวเฮ้งของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดูไม่ต่างจากเมฆบนฟ้าหน้าฝนที่ทั้งหมองคล้ำ และดำทะมึน!

ไม่ต้องอาศัยหมอดู-สายมูมาบอกก็รู้ได้ว่า เป็นใบหน้าที่มีแต่ทุกข์... ก็ดูแต่ละเรื่อง มีชื่อของ “อนุทิน” และ พรรคภูมิใจไทยไปเกี่ยวพันหลายต่อเรื่องเรื่อง ตั้งแต่ข่าวว่าจะหลุดจากเก้าอี้มท.1 พร้อมกับพรรคถูกถีบพ้นรัฐบาล

ตามด้วยสดๆ ร้อนๆ โดนจับโป๊ะได้ว่า “ลุแก่อำนาจ” กรณีสร้าง "สนามบินกลางถนน-รันเวย์ทับทางชาวบ้าน" อบต.ขนงพระ ปากช่อง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้องเต็มๆ

และเรื่องขบวนการเย้ยฟ้าท้าดินที่สังคมกำลังเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดกรณี “คดีฮั้วสว.” ที่มาของคำว่า “สว.สีน้ำเงิน” ที่คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนฯออก “หมายเรียก” แกนนำพรรคภูมิใจไทย รวมถึง “เนวิน ชิดชอบ” และ “ไชยชนก ชิดชอบ” ลูกชาย ที่เป็นเลขาธิการพรรค ไปรับทราบข้อกล่าวหา!

เรียกว่า “ความจริง” ใกล้จะปรากฏ

อนุทิน ชาญวีรกูล
คดีฮั้วสว.เป็นเรื่องของ“หลักฐาน-ข้อเท็จจริง” แต่ “อนุทิน”ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ "เป็นเรื่องการเมือง"

ฟังแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า "การเมือง" ที่เสี่ยหนูว่า นี่คืออะไรกันแน่?

คนปกติ มีสติปัญญาร้อยทั้งร้อย ก็คงคิดตรงกัน คดีความที่มีเรื่องของพฤติการณ์ทุจริต มีเจตนาฮั้วกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวน สว. ตามที่ต้องการ ย่อมไม่ใช่เรื่อง "การเมือง" อย่างที่ อนุทิน พยายามจะเบี่ยงประเด็น

ลองนึกภาพตามว่า ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แล้วมีคนแอบรวมกลุ่มตกลงกันว่าจะจัดสรรโควตาให้ใครได้เข้าไปกี่คน ตามที่ต้องการ แล้วเราจะเรียกว่าเป็น "เรื่องการเมือง" หรือ "เรื่องทุจริตสอบ" ?

เด็กประถมที่ไหนก็คงตอบได้ว่า นี่คือการทุจริตชัดๆ ไม่ใช่เรื่องของการเมือง แต่อย่างใด

การที่นักการเมืองระดับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีตำแหน่งเป็นถึง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย อย่าง “อนุทิน” ออกมาพูดปัดสวะว่า "เป็นเรื่องการเมือง" เหมือนเป็นเรื่องปกติที่ยอมรับได้ในวงการนี้ ซึ่งกำลังสะท้อนอะไรบางอย่างที่นักการเมืองชอบทำ

กล่าวคือ ลดทอนความร้ายแรงของการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต ให้กลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย หรือเป็นเรื่องปกติวิสัยที่เกิดขึ้นได้ใน "เกมการเมือง"

ไชยชนก ชิดชอบ
นี่ไม่ใช่เกม นี่คือการเลือกสว. ที่ควรจะเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม เพื่อให้ได้ตัวแทนของประชาชนเข้ามาทำหน้าที่สำคัญในฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่การรวมหัวกันวางแผน “ฮั้วกัน” เพื่อยึดสภาสูง เพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ที่น่าสนใจคือ บรรดา "สว.สีน้ำเงิน" หรือ สว. ที่ถูกมองว่ามีความใกล้ชิด หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคภูมิใจไทยนั้น ก็ดูจะมีความเคลื่อนไหวที่สอดรับกับแนวทางนี้ ดังที่มีการแฉ “พฤติการณ์” การฮั้วกันแบบโจ๋งครึ่ม ชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ยิ่งที่มีข่าวว่า “ดีเอสไอ” สืบสวนสอบสวนโดยใช้เทคโนโลยี “AI” เข้ามาจับ พิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่คนจำนวนหนึ่งมารวมตัวกัน แล้วคิดเห็นตรงกันเป๊ะๆ โหวต “ตามโพย” หรือ“ใบสั่ง” แบบเป๊ะเว่อร์

การที่ “อนุทิน” งัดลีลานักการเมืองพยายามบิดพลิ้วข้อเท็จจริง หรือทำให้เรื่องที่ผิดกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ด้วยการแปะป้ายว่า "เป็นเรื่องการเมือง" มันไม่ต่างอะไรกับคนพูดจา "มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก" แต่ไม่ว่าจะพูดให้ตายยังไง อนุทิน ก็ไม่น่าจะลืมว่า ความจริงก็คือความจริง

และความจริงเบื้องหลัง "สว.สีน้ำเงิน" ที่ภูมิใจไทย อยู่เบื้องหลัง จะถูกเปิดโปงออกมาทั้งหมดหรือไม่... หรือสุดท้ายแล้ว มันจะถูกกลบฝังด้วยคำว่า "การเมือง" อีกครั้ง? แบบที่อนุทิน พยายามจะเบี่ยงเบนก็ขอโปรดติดตามกันต่อไป

ทักษิณ ชินวัตร
++ “ทักษิณ-เนวิน” แย่งกันดูด “ก๊วนมะขามหวาน” เพชรบูรณ์

ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับครม. งวดเข้ามาทุกขณะ ในสัปดาห์นี้ถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวต่อที่สำคัญอย่างยิ่ง ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16มิ.ย.) “อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เข้าพบ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ที่ตึกไทยคู่ฟ้า หารือกันกว่า 1 ชั่วโมง

จึงคาดการณ์กันว่า ทุกอย่างน่าจะลงลงตัวภายในสัปดาห์นี้ หลังจากยืดเยื้อมาเป็นเดือน

เดิมทีการปรับครม. ควรจะสะเด็ดน้ำแล้ว ตั้งแต่เสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด แต่ก็ถูกเลื่อนออกไป กระทั่งจบการอภิปรายงบประมาณ 69 ในวาระที่ 1 แล้วก็ยังไม่ลงตัว และมีอันต้องชะลอออกไปก่อนเพราะมีทั้งเรื่อง ทักษิณ ชั้น 14 เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา เข้ามาพัวพันอีก

ทว่ามาถึงจุดนี้แล้วพรรคเพื่อไทย มีความจำเป็นที่ต้องกระชับอำนาจให้เด็ดขาดเสียที โดยนี่อาจจะเป็นการปรับใหญ่ครม.ครั้งสุดท้ายของ “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” ก็ได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัย บ่งชี้ว่ารัฐบาลชุดนี้อาจอยู่ไม่ครบเทอม พรรคเพื่อไทย จึงจำเป็นต้องเร่งสร้างผลงานอย่างเร่งด่วน

ตอนนี้ แต่ละฝ่ายต่างเริ่มทาบทาม กวาดต้อน ส.ส.ให้เข้ามาอยู่ในสังกัด โดยเฉพาะส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กำลังเนื้อหอม เพราะทั้งพรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย ต่างส่งเทียบเชิญให้มาร่วม

พรรคภูมิใจไทยติดเครื่องดูดก่อน ดังที่ปรากฏภาพ “เนวิน ชิดชอบ” และ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” แกนนำภูมิใจไทย นั่งรับประทานอาหารร่วมกับ “สันติ พร้อมพัฒน์” และ “อัครเดช ทองใจสด” รองนายก อบจ. เพชรบูรณ์ ในโรงแรมดังย่านซอยรางน้ำ

บ่งบอกว่า พยายามจีบส.ส. “กลุ่มมะขามหวาน เพชรบูรณ์” เกือบ 10 ชีวิต ให้มาร่วมงานด้วยกัน เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่น และเป็นอำนาจต่อรองกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่กำลังเขี่ย “อนุทิน” พ้นกระทรวงมหาดไทย

แค่นั่งกินข้าวกันยังไม่พอ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังแต่งตั้ง “พัฒนา พร้อมพัฒน์” ลูกชายของ “สันติ พร้อมพัฒน์” เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง ตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2558 และ มาตรา 11 แห่งพ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543

ยังมีการตั้ง “จิตรา หมีทอง” เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (อนุทิน ชาญวีรกูล) ซึ่งเดิมนั้น “จิตรา” เป็นทีมงาน และเป็น อดีตผู้ช่วยเลขานุการ รมว.สาธารณสุข ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” ครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข ช่วงปี 66 – 67

สันติ พร้อมพัฒน์
นั่นเป็นความพยายามของ “หนู-เน” ในการดึงกลุ่มมะขามหวาน ไว้เพิ่มพลังต่อรอง

ขณะเดียวกัน ในฝ่าย “ทักษิณ ชินวัตร”ของพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ยืนมองเฉยๆ แต่กำลังใช้ “พลังดูด” สส.กลุ่มนี้เช่นกัน
ต้องไม่ลืมว่า พื้นฐานทางการเมืองของ “สันติ” ก็มีรากเหง้า มาจากพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน อีกทั้งภาพที่เห็นตอนนี้ แม้“ทักษิณ ชินวัตร” จะไม่ได้ญาติดีกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

แต่กับ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ น้องชายของลุงป้อม ยังมีสายสัมพันธ์ เชื่อมต่อกันดีอยู่ ในฐานะที่ “ทักษิณ” เป็นนักเรียนตรียมทหารรุ่น 9 นายร้อยตำรวจรุ่น 26 ส่วน “พัชรวาท” เป็นรุ่นพี่ ในฐานะนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 25 ไม่เพียงเท่านี้ ยังร่วมหัวจมท้ายกับ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีสลายการชุมนุม 7 ตุลาคม กันมาแล้วด้วย

แม้ว่า “พัชรวาท” จะเคยโดนประกาศิตจากนายใหญ่พรรคเพื่อไทย ให้พ้นจากรัฐบาล แต่คนในแวดวง ต่างรู้กันว่า มิได้มีเจตนาจะทำร้าย “พัชรวาท” โดยตรง ทว่าเป็นเพราะต้องการให้บทเรียนกับ “บิ๊กป้อม” มากกว่า คราวเคราะห์เลยมาตกที่ “บิ๊กป๊อด” ผู้เป็นน้องชาย

แต่เรื่องอย่างนี้ ในทางการเมืองถือว่า ถ้ามี “ผลประโยชน์”ที่เหมาะสม ก็ลบล้างปัญหาที่เคยค้างคาใจกันได้

ดังนั้น หาก “เพื่อไทย” จะช่วงชิง ส.ส.กลุ่มมะขามหวาน ของพรรคพลังประชารัฐ ให้มาอยู่ในชายคา พรรคเพื่อไทย โดยใช้เก้าอี้รัฐมนตรีไปล่อ ก็ถือว่าเป็นสิ่งยั่วใจกลุ่ม ส.ส.ที่เป็นนักเลือกตั้งอาชีพ และแนวโน้มเรื่องได้นั่งเก้าอี้ น่าจะง่ายกว่าไปอยู่กับค่ายภูมิใจไทย

แว่วว่าตอนนี้ ทั้ง “พัฒนา-จิตรา” กำลังจะลาออกจากตำแหน่งที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจาก “อนุทิน”มาหมาดๆ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ ถึงความจริงใจต่อพรรคเพื่อไทย

ต้องจับตาว่าจะเกมดูดรอบนี้ พลิกหรือไม่

เช่นเดียวกับการปรับครม. ที่ “อนุทิน” ขึ้นไปพบ “นายกฯอิ๊งค์” บนตึกไทยคู่ฟ้า แล้วยิ้มร่าลงมา ส่งสัญญาณกับผู้สื่อข่าวว่า มหาดไทย ยังอยู่กับภูมิใจไทย

แต่พอ “อนุทิน” คล้อยหลังออกจากทำเนียบฯ ก็มีกระแสข่าวตามมาว่า เพื่อไทย เอากระทรวงพาณิชย์ กับกระทรวงสาธารณสุข มาแลกกับกระทรวงมหาดไทย เป็นที่เรียบร้อย

เป็นธรรมดาในช่วงการปรับครม. ข่าวจริง กับข่าวปล่อย มันเป็นของคู่กัน จะชัวร์ก็ต่อเมื่อถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น