วันนี้(16 มิ.ย.)สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย โดยนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาฯ พร้อมด้วย ประธานสภาองค์การนายจ้างอีก 12 สภาฯ ได้เข้าพบ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อหารือเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับใหม่) ที่เสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อใช้เป็นหลักประกันการจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างและการเรียกเก็บเงินสมทบจากฝ่ายนายจ้าง
นายเอกสิทธิ์ กล่าวว่า ภาคเอกชนสนับสนุนหลักการจัดให้มีระบบหลักประกันในการจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างในกรณีถูกเลิกจ้าง แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ให้ฝ่ายนายจ้างต้องเป็นผู้รับภาระจ่ายเงินสมทบเพิ่มเติมเข้าสู่กองทุนดังกล่าว เนื่องจากจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมต้นทุนการดำเนินธุรกิจ สภาองค์การนายจ้างฯ ทั้ง 13 สภา เห็นพ้องให้รัฐบาลเป็นผู้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนกองทุนนี้โดยตรง และเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ระบบแรงงานเกิดความเป็นธรรมทั้งต่อนายจ้างที่ปฏิบัติตามกฎหมาย และลูกจ้างที่พึงได้รับความคุ้มครอง
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานรับทราบถึงข้อกังวลของสภาองค์การนายจ้างฯ และเข้าใจสถานการณ์ของภาคธุรกิจ โดยยืนยันว่าได้ดำเนินการ ตามที่นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แสดงความห่วงใย และมอบนโยบายให้กระทรวงแรงงานพิจารณาทุกมาตรการที่ไม่เพิ่มภาระเกินควรแก่ผู้ประกอบการ
สำหรับมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเงินสมทบเพื่อการออมในอัตรา 0.25% เข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งกำหนดให้เริ่มต้นบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และอาจมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายระยะเวลาออกไป หากพบว่ายังไม่มีความพร้อมในทางปฏิบัติ เพื่อเร่งจัดทำข้อเสนอแนวทางที่เหมาะสม โดยให้กองทุนทดแทนซึ่งนายจ้างเป็นผู้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเพียงฝ่ายเดียวศึกษาความเป็นไปได้ในการเรียกเงินสมทบเพิ่มขึ้นเพื่อครอบคลุมการจ่ายชดเชยเมื่อเลิกจ้าง ภายในเดือนมิถุนายนนี้ และจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
“กระทรวงแรงงานจะเร่งผลักดันให้ได้ข้อสรุปที่สมดุล ภายในปีนี้ โดยยึดหลักความเป็นธรรม ลดภาระที่ไม่จำเป็น และคำนึงถึงความมั่นคงของลูกจ้างควบคู่กับความสามารถในการดำเนินธุรกิจของนายจ้าง” รัฐมนตรีกล่าว
สำหรับ คณะจากสภาองค์การนายจ้างฯที่เข้าร่วมประชุมและยื่นข้อเสนอแนะต่อรมว.แรงงานประกอบด้วย สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย,สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย,สภาองค์การนายจ้างแห่งชาติ,สภาอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีแห่งประเทศไทย,สภาองค์การนายจ้างผู้ค้าและบริการเครื่องอุปโภคบริโภค,สภาองค์การนายจ้างเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม,สภาองค์การนายจ้างธุรกิจไทย,สภาองค์การนายจ้างการเกษตร ธุรกิจ อุตสาหกรรมไทย,สภาองค์การนายจ้าง ธุรกิจ อุตสาหกรรมไทย,สภาองค์การนายจ้างเอส.เอ็ม.อี.แห่งประเทศไทย,สภาองค์การนายจ้างบริการไทยและสภาองค์การนายจ้างเพื่อการลงทุนแห่งประเทศไทย