xs
xsm
sm
md
lg

กต.โต้ “ฮุนเซน” ยื่นคำขาดขู่ไทย ไม่ใช่วิธีการของเพื่อนบ้านที่ดี สะท้อนไม่จริงใจใช้กลไกทวิภาคี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษก กต.แถลงโต้ “ฮุนเซน” ยื่นคำขาดขู่ปิดด่านโดยไม่ร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่วิธีการของเพื่อนบ้านที่ดี ผลเสียจะเกิดกับประชาชนทั้งสองประเทศ ชี้ การใช้ช่องทางไม่เป็นทางการ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สะท้อนกัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน ยืนยันกลไก JBC ยังใช้ได้ผล เตรียมประชุมรอบพิเศษที่ กทม.เดือน ก.ย.นี้

วันนี้ (16 มิ.ย.) เวลาประมาณ 13.00 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยในกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ยื่นคำขาด (ultimatum) ให้ไทยเปิดด่านตามเวลาปกติภายในวันพรุ่งนี้นั้น นายนิกรเดช กล่าวว่า เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่ฝ่ายกัมพูชาดําเนินการอยู่ รวมถึงคําขู่ultimatum ล่าสุดก็จะปิดด่านแล้วจะห้ามนําเข้าสิ่งของจากไทยหากไม่เปิดด่าน และคําขู่อื่นๆ ขอเรียนหลักการว่าไทยปฏิบัติตามหลักสากล

“การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีจะไม่ใช่การยื่นคําขาดต่อกัน หรือ ultimatum นะครับ โดยไม่ได้มีการหารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ผลกระทบของมาตรการดังกล่าวจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้ง 2 ฝ่าย มากที่สุดนะครับ

“ซึ่งไทยยึดถือผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่ามาตรการของไทยที่ผ่านมา เป็นการตอบโต้ระดับรัฐบาลไม่มีเป้าหมายโจมตีประชาชนนะครับ

“แนวทางการสื่อสารทางโซเชียลมีเดียหรือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคําขาด หรือultimatumต่อกันและข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีนะครับ

“ผมขอเรียนว่ารัฐบาลใช้วิจารณญาณความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง

“ผมยกตัวอย่างกรณีแรงงานต่างชาตินะครับ ท่านนายกรัฐมนตรี ได้แถลงเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อวานนี้นะครับ รัฐบาลไม่เคยมีแนวคิดที่จะผลักดันแรงงานต่างประเทศ ประเทศใดออกนอกราชอาณาจักรไทย แต่ขึ้นกับความสมัครใจของแรงงานเองนะครับ หากเขาตัดสินใจจะเดินทางกลับย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพของแรงงาน” นายนิกรเดช กล่าว

ส่วนประเด็นผลการประชุมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(JBC) ครั้งที่ 6 ที่กรุงพนมเปญนายนิกรเดช กล่าวว่า เมื่อคืนวานนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ออกเอกสารแถลงข่าวไปแล้ว ซึ่งสะท้อนท่าทีไทยที่ชัดเจนเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ วันนี้ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องแรก เรื่องกลไกทวิภาคีที่รัฐบาลไทยได้แถลงยืนยันมาโดยตลอด ไทยยึดมั่นในการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนด้วยความจริงใจและด้วยความสุจริตใจ หรือ in good faith ซึ่งรวมถึงการเข้าร่วมการประชุมเจบีซีที่ผ่านมา ที่ไทยเข้าร่วมด้วยความตั้งใจจริงและความสุจริตใจที่จะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย

วันนี้เราเห็นแล้วว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบสนองแต่ยังจงใจเลือกที่จะเสนอเรื่องพื้นที่ 4 จุด ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ) คือช่องบก ประสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ซึ่งในการเจรจาร่างละเอียดวาระการประชุม JBC ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะไม่หารือกรณีพื้นที่ 4 จุดในการประชุม

ฝ่ายไทยจึงแสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะประเด็นด้านเขตแดนทั้งหมดอยู่ในขอบเขตหรือทีโออาร์ ของการทํางานของ JBC ซึ่งเป็นประเด็นเชิงเทคนิค

“เกี่ยวกับเรื่องการประชุม JBC นะครับผมขอย้ำความสําเร็จของการประชุม JBC ที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล และทํามาต่อเนื่องกว่า 25 ปีที่ผ่านมา วันนี้ JBCได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพราะสถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้น ผมย้ำว่ากลไกทวิภาคี JBC นั้น ยังดําเนินการได้อยู่ และมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์และนําไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือนกันยายนนี้”

ส่วนกรณ๊ ICJ นั้น นายนิกรเดช ย้ำว่า รัฐบาลไทยไม่รับเหตุอํานาจศาลของ ICJ มาตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งประธาน JBC ฝ่ายไทยได้ยheในถ้อยแถลงของประธานในการประชุม JBC และประธานฝ่ายกัมพูชารับทราบท่าทีไทยในเรื่องนี้ และกระทรวงการต่างประเทศเตรียมแนวทางรับมือในเรื่องนี้แล้ว

“ผมอยากจะเรียนเกี่ยวกับเรื่องการชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศ ว่า รัฐบาลไทยดําเนินการอยู่และดําเนินการมาพักหนึ่งแล้วนะครับเราไม่เคยนิ่งนอนใจ วันนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะจัดบรรยา สรุปให้กับคณะทู เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวลา 15.30 น.โดยเจตจํานงก็คือเพื่อการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่าอะไรเกิดขึ้นนะครับ นโยบายสันติที่ไทยดําเนินการมาโดยตลอด และเป็นแนวทางที่ไทยจะใช้ต่อไป” นายนิกรเดช กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น