นายกฯ กร้าวไม่ยอมให้ใครใส่ร้ายข่มขู่ หลัง “ฮุนเซน” ยื่นคำขาดให้เปิดด่านตามเวลาปกติ ยันเราแค่กำหนดเวลาเปิด-ปิดด่าน หลังฝ่ายกัมพูชาประกาศไม่ยอมปรับกำลัง เผยได้คุยกับนายกฯ กัมพูชาแล้ว แต่สื่อสารออกมาทางโซเชียลและนอกรอบไม่ตรงกับที่คุย ทำให้เกิดผลลบกับทั้งสองประเทศ ยืนยันกองทัพกับรัฐบาลไม่ได้สู้กัน ยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตั้ง “บิ๊กเล็ก” หน.ทีมเฉพาะกิจรับมือ ดึงกัมพูชาเข้าเวที "จีบีซี-อาร์บีซี" จารึกเป็นลายลักษณ์อักษร
เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 16 มิ.ย. ที่บ้านพิษณุโลก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมหารือผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา( JBC) นาน 2 ชั่วโมง ว่า เรื่องแรกได้คุยกันในเรื่องของเจบีซี ที่ประชุมผ่านไปเมื่อวันที่ 14- 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นผลสำเร็จที่ได้คุยกันและยอมรับกรอบการประชุมเจบีซี ส่วนรายละเอียดเป็นไปตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แถลง นอกจากนั้นเราได้คุยกันทุกระดับทั้งหน้างานจนถึงระดับของนายกรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่อง และวันนี้มีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจทีมไทยแลนด์ โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งการตั้งคณะทำงานฯเพื่อดูกรอบการทำงานว่าจะหาข้อมูลว่าปกป้อง ตั้งรับและตอบโต้อย่างไรจะต้องมีกรอบในการทำงาน ทั้งนี้ยืนยันว่าประเทศไทยไม่รับเขตอำนาจศาลโลก และขณะนี้ได้ศึกษากฎหมายและประวัติความเป็นมา ทุกอย่างมีข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดคือความคืบหน้าในการประชุมวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ประกาศว่าหากไทยยังไม่เปิดด่านในวันนี้ ก็จะปิดด่านทุกด่านของกัมพูชาตอบโต้ ที่ประชุมหารือเรื่องนี้ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราไม่ได้ปิด แต่กำหนดเวลาในการเปิดปิดให้เปลี่ยนไปจากเดิม หลังจากที่มีการปะทะกันเกิดขึ้นในประเทศไทย และหลังจากที่พูดคุยหารือตกลงจะปรับกำลัง โดยที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ได้มอบอำนาจให้กองทัพดูว่าสถานการณ์ข้างหน้าเป็นอย่างไร เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ แต่เมื่อกัมพูชาจะไม่ปรับกำลัง เราจึงมีการกำหนดระยะเวลาเปิดปิดด่านตามมา
ที่ผ่านมาตนได้คุยกับนายกฯ กัมพูชา ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการตกลงร่วมกันว่าเราต้องการสันติภาพให้เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศว่าไม่ต้องการความขัดแย้งและต้องการรักษาชีวิตของประชาชน ทั้งสองประเทศเพื่อให้ทหารไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ และพยายามพูดคุยในกรอบทวิวิภาคี เพื่อเป็นกรอบความเข้าใจร่วมกันให้เป็นไปตามกลไกระหว่างประเทศยอมรับว่ามีการคุยกัน แต่สิ่งที่คุยกันสื่อสารไปทางโซเชียล นั้นนอกกรอบ ทำให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งสิ่งที่คุยหลังไมค์และแบบทางการ เพื่อให้สื่อสารแบบทางการให้เกิดผลงบผลลัพธ์ทั้งสองประเทศ
สิ่งที่กัมพูชาโพสต์ต้องคำนึงถึงผลกระทบ และการประกาศปิดด่านจะทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชนไทยและกัมพูชา ซึ่งเรามีความเป็นห่วงเรื่องการค้าขายและการส่งผลไม้ หากปิดด่านทั้งหมดจะกระทบ และได้แจ้งทางกัมพูชาไปว่าจะมีการประชุมในวันนี้ และจะรายงานผลว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยตนได้ส่งข้อความถึงนายกฯ กัมพูชา ในวันเดียวกันนี้เสนอให้จัดประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา(จีบีซี ) และ คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค(อาร์บีซี)ในระดับกองทัพของสองประเทศจะดำเนินการอย่างไรต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่าไทยยึดการเจรจาทวิภาคี แต่ทางกัมพูชาดูเหมือนจะไม่จริงใจ กับการประชุมนี้ นายกฯกล่าวว่า ในการประชุมเจบีซี ได้ยอมรับว่าเราประชุมเพื่อต้องการสันติภาพ และทางกระทรวงการต่างประเทศไทย เราได้ชี้แจงในเนื้อความไปแล้ว ไม่มีการติดขัดหรือพลิกล็อกแต่อย่างใด
เมื่อถามว่าทางกัมพูชา ดูเหมือนเล่นสงครามข่าวสาร จะรับมืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า การสื่อสารแบบนี้ไม่ได้ส่งผลดีกับทั้งสองประเทศ การปล่อยข่าวอะไรก็ตามมีการตกลงกันแล้วว่าอย่าปล่อยข่าว โดยต้องคุยกันว่าจะเอาอย่างไร เพราะคนที่อยู่หน้างานกับผู้ที่รับฟังข่าวสารเป็นคนละคนกัน การจะทำอะไรต้องเห็นใจด้วย ที่เชียร์บอกสู้เลย ต้องดูหน้างานว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตนเป็นผู้สั่งการต้องดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และดูว่าการกำหนดระยะเวลาเปิดปิดด่านใหม่ เป็นเพราะมีอาวุธหนัก อาวุธระยะไกล เริ่มออกมาเยอะขึ้นจึงต้องมาดูเรื่องของกำหนดเวลา เพราะการนำอาวุธออกมาถ้าไม่กำหนดเวลา หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะเกิดความเสียหายมากมาย
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้โลกรู้ว่าไทยไม่ได้ขี้โกง เอาแผ่นดินของใคร นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้ต้องขอประชุมอาร์บีซีหรือจีบีซี เพื่อจารึกเป็นลายลักษณ์อักษรให้ทั่วโลกรับรู้ว่าเราตกลงอะไรกันบ้าง ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้เรียกประชุมทูตต่างประเทศในประเทศไทยในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ เพื่อให้รับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย และรมว.ต่างประเทศ ได้คุยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่าเราต้องการอะไรบ้าง แต่ที่เราทำน้อยกว่าเขาคือการสื่อสารต่อสาธารณะ เพราะเราเคารพกรอบทวิภาคีและให้เกียรติทั้งสองประเทศ และสิ่งที่ควรทำเป็นทางการต้องอยู่ในกรอบทวิภาคี
เมื่อสื่อสารไม่ตรงกัน เราต้องบอกว่าเราไม่เคยยั่วยุ หรือพูดให้เกิดการประทะทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะคนเสพข่าวเป็นเรื่องหนึ่งคนอยู่หน้างานเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นายกฯอยู่ตรงนี้หากเกิดการปะทะตามแนวชายแดนต้องดูว่าเราอยู่ในสถานะไหนไม่ใช่จะจุดให้ไฟติด ตรงนี้คือกรอบที่ต้องยึดกัน คือสิ่งที่ไม่กระทบและเป็นผลดีกับทั้งสองประเทศ
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรเมื่อกัมพูชาเล่นสงครามข่าวสารนายกฯ กล่าวว่า ต้องชี้แจงและที่ประชุมและกองทัพ เห็นตรงกันว่าต้องปกป้องอธิปไตยของเราไว้ โดยต้องยืดการปะทะ และการเลือดเนื้อออกไปไม่ให้เกิดขึ้นโดยและต้องรักษาอธิปไตยของไทย ยืนยันว่ากองทัพและรัฐบาลไม่เคยตีกันคุยกันทุกเรื่อง เราให้เกียรติกองทัพ ที่เป็นคนหน้างาน รู้เรื่องอาวุธ รัฐบาลต้องคุยหลังไมค์กับกองทัพว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับประเทศ เช่นเดียวกับกองทัพเวลาจะเคลื่อนไหว ได้ปรึกษากับรัฐบาลเช่นกันว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้
“ขอย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพให้เป็นหนึ่งเดียวกัน วันนี้ได้ต่อสู้ เรารักษาอธิปไตยของเราไว้ พูดให้รู้ว่าประเทศไทยเป็นปึกแผ่นและไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้งใส่ร้าย ไม่ให้ใครมาขู่ เราเป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีและเป็นประเทศที่แข็งแรงเช่นกัน วันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกา ก็จะไม่ถูกยอมรับจากทั่วโลก“ นายกฯ กล่าว