เผยฝ่ายความม้่นคงเคยเสนอ สมช.ประชุมเร่งด่วน ยกระดับมาตรการตัดไฟ-ตัดเน็ตสแกมเมอร์-แก๊งคอลล์เซนเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ-บ่อนกาสิโน หวังเสริมมาตรการควบคุมการปิดด่านของ ทบ.ตั้งแต่ 9 มิ.ย. แต่ยังไม่มีการเรียกประชุม สมช.จนฝ่ายเขมรประกาศเลิกซื้อไฟ-เน็ตจากไทยก่อน
มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงได้ส่งหนังสือ เรื่อง ขอนำเรื่องมาตรการยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการค้ารค้ามนุษย์ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งแห่งชาติ เสนอ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยอ้างถึง มติสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ มอบหมายให้กองทัพบกและกองทัพเรือดำเนินการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภท ตามแนวชายแดน
ไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นมาตรการทางสันติวิธีในการกดดันกัมพูชาที่ใช้กำลังทหารรุกล้ำอธิปไตยของไทย
และ ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) เป็นหน่วยงานมีหน้าที่ในการเร่งรัดกำกับดูแลตรวจสอบ ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการและองค์การต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามข้ามแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2566-2570) และยุทธศาสตร์เฉพาะเรื่อง รวมถึงประสานความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐ ได้ติดตามและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การค้ามนุษย์ และบ่อนการพนันในกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
จึงขอให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้กรุณาเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การค้ามนุษย์ และบ่อนการพนันในกัมพูชา เข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยเร่งด่วน ดังนี้
1. แจ้งให้ฝ่ายกัมพูชาเร่งรัดปราบปรามผู้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ในทุกพื้นที่ทันที จับกุมและบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิดรวมถึงผู้สนับสนับสนุนทั้งหมด
2. ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามฯ เช่น การตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนัน และสแกมเมอร์ การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ ที่อาจจะนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ
จึงเสนอมาเพื่อกรุณาพิจารณาและดำเนินการต่อไป