xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องทักษิณป่วยทิพย์...ติดคุกทิพย์ ลืม “ลุงตู่ กับวิษณุ” ได้ไง!? ตอนที่ 3 ...“ดีลลับลุงตู่-ทักษิณ มีโซ่ข้อกลาง” ** เมื่อ "สันติพร้อมย้าย" ภูมิใจไทย พร้อมดูด งานนี้ใครยังอยู่ ใครจะไป พรรคจะยังไง!?.. "ลุงป้อม" ไม่รู้ ไม่รู้!"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ เรื่องทักษิณป่วยทิพย์...ติดคุกทิพย์ ลืม “ลุงตู่ กับวิษณุ” ได้ไง!? ตอนที่ 3 ...“ดีลลับลุงตู่-ทักษิณ มีโซ่ข้อกลาง”

หลังจาก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 เป็นรัฐบาลรักษาการ แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค.66

ผลปรากฏว่า พรรคก้าวไกล ได้ส.ส. รวม 151 คน, พรรคเพื่อไทย 141 คน, พรรคภูมิใจไทย 71 คน, พรรคพลังประชารัฐ 40 คน, พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 คน ,พรรคประชาธิปัตย์ 25 คน , พรรคชาติไทยพัฒนา 10 คน, พรรคประชาชาติ 9 คน,
พรรคไทยสร้างไทย 6 คน ,พรรคชาติพัฒนากล้า 2 คน ,พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 คน , ที่เหลืออีก 7 พรรคได้พรรคละ 1 คน
ถ้าเป็นรัฐธรรมนูญก่อนหน้านั้น ลำพังแค่พรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย 2 พรรค ก็จับมือกันตั้งรัฐบาล โหวตนายกฯได้แล้ว เพราะมีเสียงรวมกันถึง 292 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ 250 ไปถึง 42 เสียง

แต่กติกาตามรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุไว้ว่า การโหวตนายกฯ ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา (500+250) คือ ให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มาร่วมโหวตด้วย ดังนั้น คนที่จะเป็นนายกฯ ต้องได้รับความเห็นชอบ 376 เสียงขึ้นไป

สว. 250 คน ในยุคนั้น มีที่มาจากการสรรหาของคณะกรรมการที่คสช. แต่งตั้ง 194 คน อีก 6 คน เป็น สว. โดยตำแหน่ง และ 50 คน มาจากการเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพ

ทักษิณ ชินวัตร
ดังนั้น สว.ส่วนใหญ่ จึงเป็นคนใน “สายลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ “สายลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหลัก
เมื่อพรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้ง จึงมีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน โดย“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีนโยบายแข็งกร้าว ชัดเจน แน่วแน่ ว่าต้องแก้ ม.112 เป็นลำดับแรก จึงมีเพียงพรรคเพื่อไทย และพรรคเล็กอีกไม่กี่พรรคเป็นแนวร่วม

ไม่มีพรรคการเมืองหลักๆ ในสายอนุรักษ์นิยม อย่าง ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ เข้าร่วม ที่สำคัญ สว.ประมาณ 90% ไม่เอาด้วย

ผลการโหวต “พิธา” เป็นนายกฯ จึงมีผู้เห็นด้วยเพียง 234 เสียง ไม่เห็นด้วย182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง

เฉพาะในส่วนของสว. เห็นด้วยแค่13 เสียง ไม่เห็นด้วย 34 เสียง และงดออกเสียง 159

พรรคก้าวไกล ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ “พิธา” ไม่ได้เป็นนายกฯ

มีเรื่องเมาต์กันว่า “พิธา” ไม่ได้อยากดึงดัน เรื่องแก้ม.112 เลย อยากยอมใจจะขาด เพื่อตัวเองจะได้เป็นนายกฯ แต่เจ้าของพรรคตัวจริง ที่ติดโทษเว้นวรรคทางการเมือง 10 ปี ยืนกรานว่าต้องแก้ เพราะกลัว “พิธา” ได้เป็นนายกฯ แล้วจะติดลมบน จน“ด้อมส้ม”ไม่เห็นหัวตัวเอง

“พิธา” เลยต้องยอมกล้ำกลืนกับ ฉายา นายกฯโซเชียลฯ... นายกฯรถแห่...นายกฯว่าว...!!

จากนั้นก็มีข่าว “ดีลลับ” ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว โดยมีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ ร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม

ทั้งที่ตอนหาเสียงนั้น พรรคเพื่อไทย ประกาศย้ำทุกเวทีว่า จะไม่มีทางร่วมกับพรรคที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช. คือพรรคพลังประชารัฐ กับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเด็ดขาด

กระแสข่าวช่วงนั้นมองว่า คนที่ไปดีลกับ “ทักษิณ” เจ้าของพรรคเพื่อไทย คือ“ลุงป้อม” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่มีใครคิดว่าเป็น “ลุงตู่” เพราะช่วง “ลุงตู่” เป็นนายกฯนั้น ใครพูดถึง “ทักษิณ” เป็นไม่ได้ ลุงจะออกอาการหัวร้อน โกรธกริ้ว ขึ้นมาทันที ดีไม่ดีจะทุ่มด้วยโพเดี้ยม

ครั้นถึงวันโหวต “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คือวันที่ 22 ส.ค. 66 ซึ่งเป็นวันเดียวกับ “ทักษิณ” นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว กลับประเทศไทย ผลปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติ 482 ต่อ 165 เห็นชอบให้ “เศรษฐา” เป็นนายกรัฐมนตรี คนใหม่ โดยมีผู้งดออกเสียง 81

ในจำนวนที่โหวตเห็นชอบนี้ นี้เป็นคะแนนจาก สว. ถึง152 เสียง และยังมี สส.ประชาธิปัตย์อีก16 เสียงที่ “แหกมติพรรค” ตัวเอง มาร่วมโหวตหนุนเศรษฐา

เมื่อเช็กรายละเอียดของ สว.152 เสียง ที่โหวตหนุน พบว่าส่วนใหญ่เป็น “สว.สายลุงตู่” ทั้งอดีต ผบ.เหล่าทัพ และอดีตรองหัวหน้า คสช. ที่ร่วมยึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รวมทั้ง “พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา” น้องชายของลุงตู่ ด้วย

ส่วน“สว.สายลุงป้อม” งดออกเสียง!!

“เศรษฐา” ได้เป็นนายกฯ เพราะ “ลุงตู่” คนที่มี “ดีลลับ” กับทักษิณ คือลุงตู่ ไม่ใช่ ลุงป้อม !!

นี่คือ หลักฐานที่ยืนยันว่า “ดีลลับ” ระหว่าง ลุงตู่ กับ ทักษิณ มีจริง

และ “โซ่ข้อกลาง” ที่เชื่อมร้อยขั้วอำนาจระหว่าง ทักษิณ กับ ลุงตู่ ก็คือ กลุ่มทุนผู้ให้การสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ พรรคลุงตู่ นั่นเอง

ดังจะเห็นได้จาก หลังการตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน “พรรคลุงตู่” ก็ได้โควตา รองนายกฯควบ รมว.พลังงาน ไปครอง!

ถึงวันนี้ แม้ “ลุงตู่” จะวางมือทางการเมืองไปแล้ว แต่สมการ “ขั้วอำนาจ” ที่มี “ทักษิณ-โซ่ข้อกลาง-ลุงตู่” ยังคงอยู่

เนวิน ชิดชอบ กินข้าวกับสันติ พร้อมพัฒน์
++ เมื่อ "สันติพร้อมย้าย" ภูมิใจไทย พร้อมดูด งานนี้ใครยังอยู่ ใครจะไป พรรคจะยังไง!?.. "ลุงป้อม" ไม่รู้ ไม่รู้!"

ภาพมันฟ้อง ! คนการเมืองเขาว่ากันแบบนั้น และรอบนี้ดูเหมือนจะฟ้องตรงถึงใจ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ภาพที่ออกมาเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่โรงแรมหรูกลางกรุง บอกอะไรหลายอย่างมากกว่าคำว่า "กินข้าวด้วยกันเฉยๆ"

เพราะ “สันติ พร้อมพัฒน์” ฉายา "สันติ พร้อมมาก" แกนนำพรรคพลังประชารัฐ จูงมือนายกอบจ.เพชรบูรณ์ "อัครเดช ทองใจสด" ร่วมวงกินข้าวแกล้มการเมือง กับ “เนวิน ชิดชอบ" และ "ชาดา ไทยเศรษฐ์” ของภูมิใจไทย

กินข้าวกัน พร้อมจงใจปล่อยภาพออกมาให้เกิดเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า งานนี้ "สันติ พร้อมมาก" จะเอา 6 ส.ส.เพชรบูรณ์ ในมือสันติแพ็กกระเป๋าออกจากป่ารอยต่อฯ มาซบ “ภูมิใจไทย” เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองกับ เพื่อไทย แกนนำรัฐบาลที่วันนี้โนสน โนแคร์ ภูมิใจไทย

ภาพประกอบกระแสข่าวลือ แต่จังหวะมัน “น่าคิด” เพราะเมื่อ วันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าภูมิใจไทย เพิ่งเซ็นแต่งตั้ง “จิตรา หมีทอง” ทีมงานคนสนิทของ “สันติ” เข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย... บังเอิญอะไรขนาดนี้ !?
ถึง"จิตรา" จะออกมาบอกว่า “รู้จักกันนานแล้ว” แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า...รู้จักนานแล้ว ทำไมเพิ่งดึงเข้าทีมตอนนี้ ? หรือกำลังเซ็ตทีมล่วงหน้าเผื่อ “กลุ่มสันติ” ย้ายบ้าน ?

รู้ๆกันอยู่ว่า นักการเมืองเก๋าเกมอย่าง "สันติ" ไม่ต้องรอให้ฝนตกขี้หมูไหล

“สันติ” พร้อมเสมอหากได้รับข้อเสนอดีๆ อย่างน้อยไป 6 คน ต้องมีตำแหน่ง รมว. หรือ รมช. รออยู่หรือไม่ !?

ด้าน "ลุงป้อม" ผู้ใช้ใจบันดาลแรง ของพลังประชารัฐ ออกมาสะบัดยิ้มเบาๆ ยืนยันว่า กลุ่มสันติ “ยังอยู่ ยังอยู่ ยังอยู่”

พร้อมบอกคุยกับ “สันติ” แล้ว ทุกอย่างแค่กินข้าวไม่เกี่ยวการเมือง!

แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ คำตอบเรื่องอนาคตพรรค ที่ลุงป้อมตอบตามสไตล์ว่า“ยังไม่รู้... ยังไม่รู้... ยังไม่รู้...”

คำตอบแบบนี้ในทางการเมือง มันสะท้อนอะไร?

บางทีลุงอาจไม่ได้ “ไม่รู้ๆๆ" จริงๆ หรือรู้แล้ว...แต่ยังพูดไม่ได้! หรืออาจเป็นสัญญาณของการปลงอนิจจัง มีเกิดก็มีดับ คนมันจะไป ก็ห้ามกันไม่ได้ เหมือนหลายๆคน ที่เคยอยู่กับพรรคแล้วค่อยๆ ทยอยจากไปเรื่อยๆ

ไม่ใช่แต่ “ลุงป้อม” ที่อาจจะปลง คนนอกมองพรรค มองนักการเมืองของพรรค ระหว่างที่ พรรค DNA ลุงตู่ อย่าง รวมไทยสร้างชาติ แตกเป็นเสี่ยง พลังประชารัฐ ก็ไม่ต่างกันนัก

ทั้งสองพรรคของสองลุง ที่อดีตเคยยิ่งใหญ่ เป็นพรรครัฐบาล วันนี้ชะตาเล่นงาน บริหารพรรคเหลือแต่เปลือกที่คนการเมืองเริ่มไม่เกาะพากันโดดหนี

คำถามวันนี้จึงไม่ใช่แค่ว่า... "กลุ่มสันติจะย้ายไปภูมิใจไทย?"

แต่คือ...พรรคพลังประชารัฐ จะเหลือใคร และใครจะอยู่กับ ลุงป้อม?

ติดตามให้ดี มื้อหน้าอาจไม่ได้กินแค่ข้าว... แต่อาจมีงานฉลอง“โปรย้ายค่าย” อยู่ในเมนูด้วยก็ได้ !


กำลังโหลดความคิดเห็น