ภาค ปชช.หยุดพนัน จัดไรเดอร์ส่งด่วน 53,900 รายชื่อ ยื่นรัฐบาลผ่าน กกต.เรียกร้องทำประชามติ “เอา-ไม่เอากาสิโน” “เจ๊เอ๋” เจ้าหนี้รายใหญ่วงการนอกระบบเอาด้วย อัดจิ้งจกทักยังต้องฟัง ปชช.ร้องทั้งประเทศทำไมไม่ฟัง
วันนี้ (12 มิ.ย.) มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันและภาคีเครืองข่าย นำโดย นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน พร้อมขบวนไรเดอร์ นำรายชื่อประชาชน 53,900 รายชื่อ ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้เสนอต่อ ครม. เห็นชอบให้มีการจัดทำประชามติ เอา-ไม่เอา กาสิโน ตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ
นายธนากร กล่าวว่า การออกเสียงของประชาชนมีการลงทุนลงแรง และความยากลำบากเสมอ กว่าเราจะได้ 53,900 รายชื่อ ใช้เวลานาน 120 วัน จึงอยากให้รัฐบาลช่วยฟังเสียงของประชาชนด้วย เพราะนี่คือเสียงของเจ้าของประเทศ และอยากจะวิงวอนต่อรัฐบาล ว่า สังคมมีทางออก เราไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งหรือแตกแยก ในเมื่อสังคมและกฎหมายมีทางออก ดังนั้น การทำประชามติจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ดังนี้ 1. เรื่องนี้ รัฐบาลไม่ได้เสนอในนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ถ้ารัฐบาลยังดันทุรังทำเรื่องนี้ไป อาจจะถูกร้องเรียน ว่าผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งได้ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลยอมทำประชามติ และถ้าทำออกมาแล้วเสียงเห็นชอบกับการมีกาสิโนเท่ากับว่ารัฐบาลมีฉันทามติจากเสียงประชาชน
2. ถ้ามีการทำประชามติจะเป็นผลดี ทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจ เพราะถ้ารัฐบาลยังดึงดันทำเรื่องนี้ ออกกฎหมายไป ในสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายฉบับนี้จะไม่เป็นที่ยอมรับสังคม และเมื่อมีการขยับขับเคลื่อนไปทำกาสิโนที่ไหน ประชาชนในพื้นที่นั้นมีโอกาสสูงมากที่จะลุกขึ้นมาต่อต้าน นั้นการทำประชามติจะเป็นผลดีของการยอมรับของประชาชน และกลุ่มผู้ลงทุนจะได้มั่นใจ และ 3. ทำประชามติจะเป็นผลดีแน่นอนต่อการลดความขัดแย้งของประชาชน เพราะเมื่อประชาชนทั้งประเทศมีฉันทามติร่วมกัน ที่เห็นต่างอย่างไรก็ต้องยอมรับ จึงอยากส่งเสียงวิงวอนไปถึงรัฐบาล ถ้าการทำประชามติจะมีผลดีกับทุกฝ่าย และจะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก และไม่ทำให้เกิดความร้อนของอุณหภูมิทางการเมืองในประเทศ
นายธนากร กล่าวอีกว่า ตามขั้นตอนต่อจากนี้ตามกฎหมาย กกต. จะมีเวลาตรวจสอบความถูกต้องไม่เกิน 30 วัน ทั้งเอกสารและขั้นตอนการเข้าชื่อว่าตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ จากนั้น กกต. จะทำหน้าที่เป็นบุรุษไปรษณีย์ ส่งเรื่องและรายชื่อทั้งหมดนี้ไปยัง สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทางสำนักงานเลขาธิการจะเป็นผู้นำเรื่องต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ซึ่งตามกฏหมายกำหนดว่า ครม.ต้องลงมติเห็นชอบในการทำประชามติ เพราะตราบใดที่ไม่เห็นชอบเรื่องนี้ก็จะเดินหน้าไม่ได้ แต่เชื่อว่าทางสำนักเลขาธิการจะมีการตรวจสอบรายชื่ออีกครั้ง และเชื่อว่า รัฐบาลได้ยินเสียงของประชาชนแล้ว
“วันนี้ประชาชนได้ขอใช้สิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของรัฐบาลว่าจะตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของประชาชนหรือไม่ หรือยังยืนยันจะใช้กลไกรัฐสภาปิดประตูตีแมวใช้เสียงข้างมากลากร่าง พ.ร.บ.นี้ผ่านสภาให้ได้ โดยไม่สนใจผลที่เกิดตามมา ซึ่งอาจจะเกินกว่าที่รัฐบาลจะรับผิดชอบได้ หรือจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าจะให้ชัดไปเลยก็ควรระบุไว้ในนโยบายหาเสียง ชูให้ชัด ขายนโยบายนี้เลย หากประชาชนส่วนใหญ่เลือกกาสิโนเลือกพรรคนี้ก็เดินหน้าได้เลยมีความชอบธรรม ตามกลไกประชาธิปไตย แต่ถ้าประชาชนไม่เอาด้วยก็ต้องเคารพเสียงประชาชน” นายธนากร กล่าว
ด้าน น.ส.ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ หรือ “เจ๊เอ๋” เจ้าหนี้ในวงการนอกระบบที่มาร่วมยื่นคำร้องด้วย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยแต่แรกที่รัฐบาลจะมางุบงิบทำกาสิโนขึ้นมา พวกคุณเป็นตัวแทนของประชาชนก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง และประเทศนี้ไม่ใช่ประเทศที่รัฐบาลจะต้องมาครอบงำพวกเรา เราไม่ต้องการกาสิโน ถ้าจะมีต้องมาฟังเสียงประชาชน ว่า ประชาชนต้องการอะไร ผลได้ ผลเสีย ผลดี ผลเลว ต้องเอามาแจงให้ชัดเจน เพราะรัฐบาลควรจะชัดเจนกับประชาชน และฟังเสียงประชาชนให้มากกว่านี้
“ใดๆ ก็ตามเลย จิ้งจกทักมันยังต้องหยุด นี่ประชาชนเขาเรียกร้องกันทั้งประเทศ ไม่คิดจะหยุดบ้างหรือไง ดิฉันไม่อยากพูดอะไรเยอะ จริงๆ อยากจะคุยกับท่านเลย ว่ามันเป็นอย่างไร ท่านทำแล้วท่านได้อะไร ประชาชนได้อะไร ดิฉันไม่เห็นด้วย และขอคัดค้านตลอดไป”
ด้านตัวแทนสมาพันธ์เครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนมัธยมและสมาพันธ์ครูทั่วประเทศ ระบุว่า ได้นำความห่วงใยของครูและผู้ปกครองทั่วประเทศที่สะท้อนมามอบเป็นหนังสือให้กับทางเลขาฯ มูลนิธิ เพื่อเป็นพลังร่วมคัดค้านกาสิโนและการพนันออนไลน์ ที่รัฐบาลบอกว่าจะทำให้ถูกกฎหมาย เรายอมไม่ได้ จึงนำหนังสือและแถลงการณ์มามอบให้กับทางมูลนิธิและเห็นด้วยกับการทำประชามติที่ถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่ใช่ลักหลับ เหมือนกับรัฐบาลที่ทำมากว่า 8 หมื่นชื่อ ไม่มีส่วนของภาคประชาชนเลย วันนี้เป็นความบริสุทธิ์ โปร่งใส ของภาคประชาชนล้วนๆ ที่เราทำงานกันมากว่า 1 ปี ซึ่งต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วงกันลงชื่อ
นางสาวกรกนก มากบุญ ผู้ประสานงานการลงรายมือชื่อเพื่อประชามติครั้งนี้ กล่าวว่า ภาคประชาชนใช้เวลารวม 120 วัน ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค.- พ.ค.กว่าจะรวบรวมรายชื่อได้ตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ.ว่าด้วยออกเสียงประชามติ ขั้นตอนจากนี้ กกต.จะตรวจความครบถ้วนของรายชื่อทั้งหมดให้เสร็จภายใน 30 วัน หากรายชื่อทั้งหมดครบถ้วน กกต.จะนำส่งรายชื่อทั้งหมดต่อสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีซึ่งเท่ากับได้ส่งถึงมือรัฐบาล
น.ส.วศิณี สนแสบ เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน กล่าวว่า “การตัดสินใจจะมีกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายหรือไม่ ในวันนี้ คือ การส่งมอบมรดกบาปให้แก่คนรุ่นหลัง จึงควรรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะเด็กเยาวชนที่จะต้องอยู่กับสิ่งนี้ไปอีกนาน รัฐบาลจะอ้างสิทธิว่า ส.ส.เป็นตัวแทนของประชาชนแล้วการลงมติของ สส.เท่ากับมติของประชาชนคงไม่ได้ และที่อ้างว่าจะเอาโมเดลของสิงคโปร์ก็ไม่ได้ เพราะกว่าเขาจะทำใช้เวลา10 ปี ในการวิจัยและศึกษาอย่างรอบคอบ จึงตัดสินใจ
“การอ้างประเทศอื่นแต่เลียนแบบมาไม่หมดเอาแต่ที่ตัวเองได้ประโยชน์ ถือเป็นความมักง่ายและน่าละอาย”