xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร” หวังมติแพทยสภาย้ำโทษหมอเอี่ยวช่วย “แม้ว” ซัดรัฐบาลไร้เสถียรภาพทั้งศึกนอกศึกในรุมเร้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จตุพร” หวังมติแพทยสภาวันนี้ ย้ำมติเดิมลงโทษ 3 หมอเอี่ยวช่วย “แม้ว” นอนชั้น 14 ซัดรัฐบาลไร้เสถียรภาพทั้งศึกนอกศึกในรุมเร้า ชี้ นายกฯ ไม่เข้าใจสถานการณ์ชายแดน สั่งเปิด-ปิดด่านไร้แผน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในเฟซบุ๊กไลฟ์ “ประเทศไทยต้องมาก่อน” เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา วิจารณ์สถานการณ์การเมือง ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยกำลังเข้าสู่ภาวะ “เละเทะไร้ชิ้นดี” ทั้งจากแรงเสียดทานภายในพรรคร่วมรัฐบาล และแรงกดดันจากชายแดนตึงเครียดไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้อีกไม่นาน หากยังเดินเกมการเมืองแบบหลงทิศทางเช่นปัจจุบัน

นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลขณะนี้ รวมไทยสร้างชาติแฉโพยกันจนยากจะประสานรอยร้าว ขณะที่ ภูมิใจไทยแม้ถูกรุมดึงให้ทะเลาะ แต่ยังประคองตัวด้วยความเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะบทบาทของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะ รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ชายแดนตะวันออกเฉียงเหนืออย่างโดดเด่น กลบความไร้ภาวะผู้นำของพรรคแกนนำอย่างเพื่อไทยไปโดยปริยาย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกวิจารณ์อย่างหนัก หลังเดินทางไปดูงานปัญหาน้ำที่กาญจนบุรี ทั้งที่สถานการณ์ชายแดนเกิดขึ้นที่อุบลราชธานี จนภายหลังต้องปรับทิศ ลงพื้นที่ช่องจอม จ.สุรินทร์ แต่กลับถูกประชาชนตำหนิหนักจากการโชว์คำสั่งเปิด-ปิดด่านอย่างไม่เข้าใจพลวัตของปัญหาระหว่างประเทศ สะท้อนความเป็น “คุณหนูนายกฯ” ที่แสดงอารมณ์ขัดใจไร้สาระ อย่างการถูกห้ามซื้อลอตเตอรี่ จนเสียแต้มทางการเมืองซ้ำซาก

“ไม่มีใครคาดหวังว่านายกฯ จะช่วยแก้ปัญหาชายแดนได้เลย เพราะไปช้า ไม่เข้าใจสถานการณ์ และไม่สื่อสารกับความรู้สึกของประชาชนที่อยู่ภายใต้เงากระสุน” นายจตุพรระบุ พร้อมชี้ว่า บทบาทของกระทรวงกลาโหมและต่างประเทศไม่สอดคล้องกับวิกฤตชายแดน และ การเลือกใช้เวที JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.ก็ไม่ตอบโจทย์เมื่อกัมพูชาประกาศไม่ร่วมเจรจาเรื่องช่องบก โดยไทยควรเลื่อนการประชุม JBC ออกไปก่อน เพราะหากยังยืนกรานเจรจาในประเด็นที่กัมพูชาไม่ตอบรับ ก็เท่ากับ “พูดคนเดียว” ในเวทีที่ไร้น้ำหนัก และเตือนว่า หากรัฐบาลยังสภาพย่อยยับทั้งภายในและภายนอกแบบนี้ ไม่แปลกหากจะพังในเวลาไม่นาน
ในประเด็นอื่น นายจตุพรยังกล่าวถึงมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจวินิจฉัยเอง เมื่อพบว่าข้อกล่าวหามีมูลแล้ว ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน เปรียบ ป.ป.ช.เป็นเพียง “บุรุษไปรษณีย์” ไม่ใช่ผู้ตัดสินความถูกผิด

ส่วนวาระสำคัญของวันที่ 12 มิ.ย. คือ การประชุมของแพทยสภาในการลงมติยืนยันบทลงโทษทางจริยธรรมต่อ 3 แพทย์กรณีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนายจตุพร ระบุว่า แม้จะมีการตรึกตรองจากกรรมการบางส่วน แต่ เสียงโหวตคาดว่าจะมีอย่างน้อย 55 เสียง จากทั้งหมด 70 เสียง ซึ่งเพียงพอต่อการผ่านมติด้วยเสียงเกิน 2 ใน 3 หรือ 47 เสียง

“มติของแพทยสภาครั้งนี้จะเป็น กระดุมเม็ดแรก ที่ชี้ว่าประเทศไทยยังมีองค์กรวิชาชีพที่ยืนหยัดต่ออำนาจการเมือง” เขาระบุ พร้อมวอนให้กรรมการทุกคนยืนยันในศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของวงการแพทย์ ไม่ให้การเมืองแทรกแซง”

ในตอนท้าย นายจตุพรกล่าวถึงการนัดไต่สวนของศาลฎีกาฯ นักการเมือง วันที่ 13 มิ.ย. ว่า ทักษิณจะไม่เดินทางไปศาล โดยขอเลื่อนการยื่นเอกสารออกไปเป็นวันที่ 23 มิ.ย. พร้อมมอบหมายให้ทนายความเป็นตัวแทน อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าศาลอาจกำชับให้นำตัวทักษิณมาศาลในวันดังกล่าว เพื่อพิจารณาคดีด้วยตนเอง

“เรื่องของผมกับทักษิณมันจบไปนานแล้ว ผมไม่ได้อคติ แต่สิ่งที่พูดคือเพื่อบ้านเมือง ยืนยันว่า ผิดคือผิด ถูกคือถูก ดำคือดำ ขาวคือขาว หากบ้านเมืองยังเดินสวนทางความถูกต้อง เราก็ไปต่อไม่ได้” นายจตุพรกล่าวทิ้งท้าย พร้อมวิงวอนแพทยสภาให้ยึดมั่นในมติลงโทษเดิมเพื่อรักษาหลักการของชาติ”


กำลังโหลดความคิดเห็น