ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ เรื่องทักษิณป่วยทิพย์...ติดคุกทิพย์ ลืม “ลุงตู่ กับ วิษณุ” ได้ไง!?...ตอน 2 “หมอ-ขรก.” จำเลยสังคม
ย้อนอดีตไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เป็นวันที่มี 2 เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น
คือ“ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษที่หนีคดีไปกว่า 17 ปี กลับมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และ เป็นวันที่รัฐสภานัดประชุม เพื่อโหวตให้ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกฯ ตามบัญชีของพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
โดยขณะนั้น เป็นช่วงปลายรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่รักษาการอยู่
“ทักษิณ”เดินทางด้วยเครื่องบิน Gulf stream รุ่น G650-ER ซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนตัวของเขา ออกจากสนามบินที่สิงคโปร์ โดยมี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาว มาส่ง และเครื่องมาลงที่สนามบินดอนเมือง เมื่อเวลา 09.00 น.
มีรายงานว่า บนเครื่องบินลำนั้น มีนายพานทองแท้ ชินวัตร คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร นายบรรณพจน์ ดามาพงษ์ และทีมอารักขา รวมอย่างน้อย 6 คน ร่วมเดินทางมาด้วย
จากนั้น เวลา 09.30 น. “ทักษิณ” ออกมาบริเวณหน้าอาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคล โดยสวมสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาว และเนคไทสีแดง เข้าถวายบังคมที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 10 บริเวณด้านหน้า แล้วออกมาโบกมือทักทายคนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับครอบครัว ที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมหน้า ทั้ง น.ส.แพทองธาร น.ส.พินทองทา และนายพานทองแท้
ส่วนนักการเมืองที่ไปรอต้อนรับก็มีทั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ แกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยอีกหลายคน รวมทั้ง นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ก็มารอรับด้วย
หลังกระบวนการรับตัว “ทักษิณ” ที่สนามบินดอนเมืองแล้ว เจ้าหน้าที่ก็พาไปรับหมายที่ศาลฎีกา จากนั้นก็ส่งตัวเข้าสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ทันทีที่ “ทักษิณ” ถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อตรวจสุขภาพ เพราะจัดอยู่ในกลุ่มเปราะบาง คือมีอายุเกิน 60 ปี และทักษิณ ยังแจ้งว่ามีโรคประจำตัว ที่ต้องเฝ้าระวัง เกี่ยวกับโรคหัวใจ มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีภาวะเกี่ยวกับปอด เพราะเคยติดเชื้อโควิด-19 ที่เคยมีอาการปอดอักเสบรุนแรง และมีภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม มีการกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดเรื้อรัง ทำให้การเดินผิดปกติ
จึงต้องแยกทักษิณ ไปไว้ที่ แดน 7 ซึ่งก็คือ สถานพยาบาล ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
และบ่ายวันนั้น “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการ รมว.ยุติธรรม ก็เข้าไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นัยว่า เพื่อ “เคลียร์” ความเรียบร้อยให้กับนักโทษรายนี้
พอตกดึก“ทักษิณ” แจ้งว่าป่วยหนักด้วยโรคเกี่ยวกับหัวใจ จึงต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ และ พักที่ชั้น 14 รักษากันยาวไป เป็นเวลา 6 เดือน กระทั่งถึงกำหนดพักโทษ จึงกลับไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ระหว่าง 6 เดือนที่อยู่ที่ ชั้น14 รพ.ตำรวจ สังคมข้องใจว่า “ทักษิณ” ป่วยวิกฤต จน รพ.ราชทัณฑ์ ไม่สามารถรักษาได้จริงหรือไม่ และเมื่อถูกส่งตัวมาที่ ชั้น14 รพ.ตำรวจ แล้วอยู่ที่นั่นตลอด 6 เดือนจริงหรือไม่
นั่นจึงเป็นที่มาของ มติแพทยสภา ที่ลงโทษด้วยการพักใบอนุญาตแพทย์ รพ.ตำรวจ 2 คน ฐานแจ้งอาการป่วยไม่ตรงกับความเป็นจริง และลงโทษว่ากล่าวตักเตือนแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ อีก 1 คน ฐานทำใบส่งตัวด้วยความสะเพร่า
แน่นอนว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และ แพทย์รพ.ตำรวจ ถูกหมายหัวว่ามีส่วนช่วยเหลือให้ทักษิณ ไม่ต้องเข้าคุก แต่มาเป็น“นักโทษเทวดา” ที่ชั้น 14
เวลาพูดถึง “ทักษิณป่วยทิพย์” หมอและข้าราชการเหล่านี้ จึงตกเป็นจำเลยสังคมไปโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง
ลองคิดว่าดูว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ที่สังคมกำลังเฝ้ามอง ลำพังข้าราชการและหมอ จะกล้าตัดสินใจ “เสี่ยง” โดยพลการหรือไม่ ถ้าไม่มีผู้บังคับบัญชาที่อยู่เหนือขึ้นไป ซึ่งก็คือฝ่ายการเมืองสั่งการลงมา
โดยเฉพาะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่จะมีการผลัดเปลี่ยนรัฐบาล และเห็นๆกันอยู่ว่า พรรคเพื่อไทย ของตระกูลชินวัตร กำลังจะมารับช่วงอำนาจต่อจากลุงตู่ แล้วข้าราชการคนไหน จะกล้าขัดขวาง หรือฝืนคำสั่ง
ดังนั้น หากจะหาคนรับผิดชอบโดยพฤตินัย เรื่องส่งตัว “ทักษิณ” จาก รพ.ราชทัณฑ์ มาที่ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ก็ไม่ควรลืมคีย์แมนสำคัญอย่าง “ลุงตู่ กับ วิษณุ”
ส่วน “ลุงตู่” มีดีลลับกับ “ทักษิณ” อย่างไร จึงเกิดรัฐบาลข้ามขั้ว ที่มี “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯ และสลับเป็นรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ในเวลาต่อมา... โปรดติดตาม ตอนที่ 3 “ดีลลับลุงตู่-ทักษิณ มีโซ่ข้อกลาง” ในวันพรุ่งนี้
++ บอกแล้วเรื่อง"พีระพันธุ์" รทสช. สุดท้ายก็แค่อยากเปลี่ยน รมต.พลังงาน
ศึกภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อันเนื่องมาจาก "เอกสารหลุด" 21 สส. ยื่นนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ขอปรับรมต. ในสัดส่วนของพรรค
จากนั้นก็เกิดรายการ "ฟาดฟัน" กันถึงพริก ถึงขิง! ระหว่างกลุ่มหัวหน้าและเลขาฯ พี่ตุ๋ย "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" และ น้องขิง "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" ไขว้กับ กลุ่ม "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น
เรียกว่า แฉกันไม่ไว้หน้าแบบไม่ต้องขิงกันละ ชี้มือกล่าวหากันซึ่งกันและกัน ระหว่าง เอกนัฏ กับ สุชาติ ใครกันแน่ จ้องล้มหัวหน้า “ใครต้มใคร” ให้โหวตเพื่อจะเป็นหัวหน้าซะเอง !?
เล่นเอากองเชียร์ "FCลุงตู่" ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ฝากฝังมรดกพรรคนี้ กะให้รวมไทยสร้างชาติ ยืนงงในดงตาล
ไปไม่ถูกว่าตกลงจะยืนอยู่ฝั่งไหน ยังไม่ทันสร้างชาติ พรรคก็พังซะแล้ว มันเกิดอิหยังขึ้นหว่า !?
ว่าไปแล้ว ถ้าปะติดปะต่อเรื่องราวตั้งแต่ต้นปี มีข่าวสะพัดว่า ปรับครม.เที่ยวนี้ "พีรพันธุ์" หรือ ฉายา "พีระพัง" ที่สื่อตั้งให้ จะโดนดีดพ้นตำแหน่ง รมว.พลังงาน แหง่มๆ
เจ้าตัวก็พยายามที่จะโชว์ว่ามีผลงาน โดยผ่านมาหลายเดือน "นายกอิ้งค์" ก็ยังไม่ขยับปรับครม. ซักกะที
ต่อมาเข้าเดือนที่ห้า พ.ค. จู่ๆ "เสี่ยเฮ้ง" ก็ส่งสัญญาณปิ๊บๆ...ว่า จบอภิปรายงบประมาณจะตัดสินใจ "หาโอกาสใหม่"ในเส้นทางการเมืองของตัวเอง และเพื่อนส.ส.ที่คิดเหมือนๆกัน แบบอยู่ที่เดิมไปก็ไลฟ์บอย...ทำนองนั้น
“สุชาติ” ตอนนั้นก็ไม่ได้เหนียมอะไร ก็บอกใบ้ว่าน่าจะไปอยู่ "พรรคใหม่" ซึ่งก็ย้ำเหมือนเฉลยว่า "โอกาสใหม่" ๆๆ หลายรอบ
เวลาผ่านมาจนถึงตอนนี้ จึงเกิดเหตุการณ์ "เอกสารหลุด" โดย “เสี่ยเฮ้ง” นำกลุ่มเพื่อนสุชาติฟาด "พีระพันธุ์ และเอกนัฏ" ดังที่เป็นกระแส
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ กำลังติดเชื้อในกระแสเลือด อาการร่อแร่
ล่าสุดมีกระแสแพร่สะพัดว่า “ปลัดตุ๋ม” จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเตรียมไปนั่ง“หัวหน้าพรรคโอกาสใหม่” และรับตำแหน่ง รมว.พลังงาน ในการปรับครม.รอบนี้
อย่างไรเสีย “ปลัดจตุพร” ก็ออกมาปฏิเสธ แต่วงในเช็กข่าวล่า ก็ยืนยันตามกระแสเรื่องลาออกจากตำแหน่งของ ปลัดตุ๋ม-จตุพร เรื่องจริง เพียงแต่ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนเอกสาร แถมได้กรอกประวัติเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติแล้วด้วย !
สำหรับ “ปลัดจตุพร” จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.68 นี้ หลังจากขึ้นเป็นปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ มาตั้งแต่ปี 62
ว่ากันว่า ว่าที่หัวหน้าพรรคโอกาสใหม่ และ ว่าที่ รมว.พลังงาน ผู้นี้ เป็น "น้องเลิฟ" รุ่นน้องในคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ของ "ปลัดฉิ่ง" ฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคโอกาสใหม่
ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่าง “ฉัตรชัย” และ “จตุพร” ว่ากันว่า ช่วงหนึ่ง ปลัดฉิ่งเคยเสนอรัฐบาลลุงให้โยก จตุพร ข้ามห้วยมานั่งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย แทนตัวเอง
เมื่อ “ปลัดฉิ่ง” มาผลักดันพรรคการเมืองก็ยังผูกสมัครไว้วางใจจตุพร ไม่นานมานี้ จึงมีข่าวว่า ฉัตรชัยและจตุพร ร่วมกับอดีตข้าราชการ ไปจดจัดตั้งพรรคโอกาสใหม่ไว้แล้ว เพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป
พรรคการเมืองต้องขับเคลื่อนด้วยนักการเมือง ดังนั้น ต่อมาจึงมีข่าวว่า โอกาสใหม่วางตัว "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ เข้ามาเป็นหนึ่งในแกนนำคนสำคัญขับเคลื่อนพรรคโดยมี "นายทุน" คนเดิม ซึ่งคุณก็รู้ว่าเป็นใคร! ให้การสนับสนุนเต็มสูบ
ทีนี้ต่อจิ๊กซอว์ การเคลื่อนไหวทั้งหลายตั้งแต่ต้นจนมาจนถึงล่าสุดดังกล่าวก็คงจะเห็นภาพใหญ่ ..ถึงบางอ้อกันหรือยัง!?
บอกแล้ว...งานนี้เรื่อง "พีระพันธุ์" รทสช.ฟัดกันเละ สุดท้ายก็แค่อยากเปลี่ยนรมต.พลังงาน เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้!