xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณถูกต้อนเข้ามุม พังทั้งกระดาน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา



ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปถือว่ามีลุ้นได้เสียสำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพลสูงสุดในรัฐบาล สามารถชี้นำได้ทุกอย่าง แต่มาถึงตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดเข้ามา และเหมือนกับว่าเขากำลังถูกต้อนเข้ามุมอับ เข้าไปทุกขณะแล้ว

เพราะในสัปดาห์นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน เป็นต้นไป ที่เป็นวันที่แพทยสภามีการประชุมว่าจะมีการยืนยันมติเดิมที่ให้ลงโทษด้านจริยธรรมกับแพทย์ ที่รายงานการรักษาอาการของ นายทักษิณ อันเป็นเท็จหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เสียงข้างมากสองใน สาม โดยเวลานี้สังคมก็รับรู้แล้วว่า “ฝ่ายการเมือง” กำลังทำทุกทางเพื่อกดดันให้กรรมการแพทยสภา โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นข้าราชการ กระทรวงสาธารณสุข ไม่เข้าร่วมประชุมทำให้เสียงไม่พอ แต่กรณีนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรถือว่าสังคมได้รับรู้อยู่แล้วว่า “ป่วยหนักขั้นวิกฤต” จริงหรือไม่

ขณะเดียวกัน หากแพทยสภาใช้เสียงข้างมากยืนยันมติลงโทษเดิม ก็ต้องถือว่า“ประตูนรก” สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดอ้าเต็มที่แล้ว เพราะหลังจากนี้ เมื่อข้ามไปวันที่ 13 มิถุนายน ก็ต้องเจอกับวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีเกี่ยวกับ ชั้น 14 ที่อาจไม่มีการติดคุกจริงตามคำพิพากษา

จากนั้น ในวันถัดไปคือ วันที่14 มิถุนายน ก็ต้องจับตากันว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี เพื่อเจรจากันเรื่องปัญหาเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งท่าทีล่าสุดของฝ่ายกัมพูชา ย้ำว่าจะไม่เจรจาแล้ว เนื่องจากได้นำเรื่องที่เป็นปัญหารวม 4 เรื่อง นั่นคือ สามเหลี่ยมสระมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ซึ่งทอดยาวตามแนวชายแดนกว่า 200 กิโลเมตร โดยทางฝ่ายกัมพูชา ระบุว่า ได้นำทั้ง 4 เรื่องดังกล่าวขึ้นฟ้องศาลโลกแล้ว ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องเจรจาในเรื่องนี้แล้ว

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับกล่าวถึง กรณีกัมพูชาออกแถลงการณ์ไม่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ในวันที่ 14 มิ.ย. ว่า เวลาอ่านแถลงการณ์ต้องอ่านให้ครบถ้วน ในแถลงการณ์ ระบุว่า 4 ปราสาท จะไม่นำเข้ามาประชุมใน JBC ซึ่งไม่มีประเด็นที่จะพูดคุยเรื่องนี้อยู่แล้ว และพูดชัดเจนแล้วว่าจะไม่เอาเรื่องอื่นมาคุย จะคุยแค่เรื่องพื้นที่นี้อย่างเดียว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เราจะคุยเฉพาะจุดที่เป็นปัญหา ส่วนเรื่องศาลโลกได้พูดไปแล้วว่า มติ ครม.เมื่อวันที่ 19 มี.ค.67 เราไม่ยอมรับอำนาจศาล และขณะนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนที่กัมพูชา จะเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเข้าศาลโลก ก็เป็นเรื่องของกัมพูชา เราไม่สามารถไปห้ามเขาได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ ย้ำว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย การประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย. ยังคงเหมือนเดิม ยืนยันไม่มีปัญหาอะไร เรายังคงยึดมั่นในกรอบของเรา ศาลโลกไม่มีอำนาจในการบังคับเรา

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในแถลงการณ์กัมพูชา ไม่ได้มีการระบุว่า จะไม่คุยในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี บอกแล้วว่า เราจะไม่มีการขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ เป็นการยืนยันมาตั้งแต่ต้น อยากพูดคุยตรงที่เป็นประเด็นจริงๆ

ถามว่า ท่าทีของกัมพูชา ต้องการนำเรื่อง 4 ปราสาท ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ขึ้นศาลโลกเท่านั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ไม่มีอะไรหนักหนา แต่ละคนต่างตรึงกำลังและทำหน้าที่ และรอว่าสถานการณ์จะจบอย่างไร แต่หากสถานการณ์ไม่จบดี จะทำให้เกิดความตรึงเครียด ซึ่งจะต้องมีมาตรการต่อไป โดยเราได้เตรียมมาตรการได้แล้ว ขอให้มั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่ และระหว่างกลไก JBC ก็มีการพูดคุยอยู่ตลอดเวลา หากคุยแล้วประเมินว่า จะต้องเพิ่มมาตรการก็จะเพิ่ม

แน่นอนว่า เมื่อพิจารณาจากคำพูดดังกล่าวของ นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของไทยในเวลานี้ เหมือนกับว่าพูดกันคนละความหมาย

ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยย้ำว่า มีการพูดคุยถึงมาตรการต่างๆ ในการรับมือสถานการณ์ หลังจากนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ไปคุยกับทีมกัมพูชา ซึ่งยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังโอเคอยู่ และยืนยันว่า ทุกหน่วยทุกฝ่ายทั้งกองทัพและรัฐบาลมีการปรึกษากันตลอดก่อนที่จะดำเนินการใดใด อำนาจไหนที่เป็นของใคร และทุกคนทราบในอำนาจของตัวเองเป็นอย่างดี และวันนี้ สิ่งที่ต้องการคือ ความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมดซึ่งวันนี้ ได้คุยกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมด้วย ว่า ไม่อยากให้เกิดกระแส หรือการปลุกปั่นว่า รัฐบาลกับกองทัพมีปัญหากัน ซึ่งความจริงแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น มีแต่การสนับสนุนกันอย่างดี และมีการเคลียร์กันว่าอำนาจหน้าที่ เนื้องานเป็นอย่างไรใครจะตัดสินใจ

ส่วนเรื่องการเจรจา และรายละเอียดอาจจะไม่ได้ให้รายละเอียดทั้งหมด แต่ขณะนี้ยืนยันว่ามีความเข้าใจและยังไม่มีความรุนแรงที่ขยายมากขึ้น ขณะนี้ ทางกองทัพก็ ยืนยัน มีการจำกัดวงเพื่อไม่ให้ขยายความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลสนับสนุนอยู่แล้ว

หากพิจารณาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย กัมพูชา บริเวณชายแดนในเวลานี้ ในภาพรวมๆ ที่ผ่านมาถือว่า รัฐบาลไทยที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ถือว่า “เพลี่ยงพล้ำ” พลาดท่าเกมจากฝ่ายกัมพูชา จนทำให้เวลานี้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงจากประชาชน ที่มองว่ารัฐบาลมีการเคลื่อนไหวที่ “ล่าช้า” ไม่ทันเกมฝ่ายตรงข้าม

จนชาวบ้านเริ่มมองว่า สาเหตุที่ดูเหมือนว่าเรา “หงอ” จนหลายคนกังวลว่าเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดน เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาเดินเกมรุกเข้าใส่เข้ามาทุกทาง ขณะที่ฝ่ายไทยแทบจะไม่มี “แอกชัน” ใดๆ ออกมาให้เห็น ตัวอย่างที่เห็นชัดกว่าที่รัฐบาลจะออกแถลงการณ์ตอบโต้ ก็ใช้เวลาผ่านไปนานถึงหนึ่งสัปดาห์ หรือ แม้แต่การออกแถลงการณ์ฉบับที่สอง ที่ออกมายืนยันไม่ยอมรับขอบเขตอำนาจของศาลโลก ก็เพิ่งออกมาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน นี่เอง ทั้งที่ทุกฝ่ายเรียกร้องให้รีบแสดงท่าทีให้ชัดเจน แต่ทุกอย่างเหมือนกับว่า ล่าช้าไม่ทันการณ์ไปทั้งหมด

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากปัญหาใหญ่แบบนี้ ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นภาพอีกครั้งของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่า “ไร้ทั้งวุฒิภาวะ” ไร้ประสบการณ์ ไร้ความเข้าใจในเรื่องราวปัญหาแบบนี้ เป็นการเพิ่มวิกฤตให้มากขึ้นกว่าเดิม จนเวลานี้ เครดิต ความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี แทบจะไม่เหลืออีกแล้ว

แน่นอนว่า หากพูดถึงที่เชื่อมโยงกับฝั่งกัมพูชา ก็ย่อมทำให้มีการมองไปถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นจนเกินปกติระหว่าง ครอบครัว “ชินวัตร” กับครอบครัว “ฮุนเซน” ที่ “เกี่ยวดอง” กันมานาน จนกลายเป็นว่าที่ถูกมองว่า ฝ่ายรัฐบาลไทยที่นำโดยน.ส.แพทองธาร มีท่าทีที่เกรงใจจน ขยับช้า หรือ “ไม่กล้าขยับ” เป็นเพราะมีความ “เกรงใจ” ฝ่ายฮุนเซน หรือไม่ก็เลยเถิดไปถึงขั้นที่ว่าฝ่ายโน้น “กุมความลับ” หรือ “ถือไพ่เหนือกว่า” และยังเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ หลังวันที่ 13 มิถุนายน หากผลออกมาในทางลบ หรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาทางฝ่าย ฮุน เซน ได้ให้การช่วยเหลือ นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาตลอด ในช่วงที่ยังต้องหลบหนีคดี

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร แต่เวลานี้คนไทยจำนวนมาก มีสายตาที่หวาดระแวงทั้ง “สองครอบครัว” นี้ และเมื่อมองด้วยความไม่เชื่อมั่น ก็ทำให้รัฐบาลน.ส.แพทองธาร เคลื่อนไหวลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกอย่างเหมือนกับการเชื่อมโยงมาถึง นายทักษิณ ชินวัตร ทุกเรื่อง แต่เวลานี้มันกำลังกลายเป็นติดลบ ทุกเรื่องล้วนพุ่งมาหาเขา เหมือนกับว่า “เดินหมากพลาด” มาตั้งแต่ต้น ทำให้เสี่ยงพังทั้งกระดาน!!


กำลังโหลดความคิดเห็น