xs
xsm
sm
md
lg

ห่วย! “กัณวีร์” ซัด “อิ๊งค์” โยนให้กองทัพสู้กับรัฐบาลกัมพูชา ถาม หรือว่าไม่อยากเผชิญหน้าเพื่อรักษาสัมพันธ์ส่วนตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กัณวีร์” จวก “รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์” ห่วย โยนความรับผิดชอบให้กองทัพสู้กับรัฐบาลกัมพูชา แทนที่จะเป็นรัฐสู้กับรัฐ ถาม หรือว่าไม่อยากเผชิญหน้าเพื่อรักษาสัมพันธ์ส่วนตัว ชี้ปมพิพาทชายแดนมีมากกว่ามิติทางทหาร ต้องใช้ทุกองคาพยพมาบริหารจัดการ ขณะกัมพูชาทำงานเป็นระบบสอดคล้องกันทุกภาคส่วน เพื่อเอาชนะไทยทางยุทธศาสตร์ และกำลังเล่นใหญ้ไปไกลกว่า ICJ แต่ไทยยังอยู่แค่ปิด-เปิดด่าน เสี่ยงเพลี่ยงพล้ำในเวทีโลก

วันนี้(8 มิ.ย.) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang” เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาข้อแย้งกับกัมพูชาของรัฐบาล ว่า ““ห่วย” คืออะไร ??

“จากแถลงการณ์ของรัฐบาลผ่านโฆษกของ 2 กระทรวง 1 กองทัพ ผมจับใจความและสัญญาณได้ว่า รัฐบาลที่นำโดยนางสาวแพทองธาร ได้โยนความรับผิดชอบให้ ผบ.ทบ. ไปเรียบร้อยแล้ว การตอบสนองของผมหลังจากได้ยินคำแถลงและการตอบคำถามของสื่อ คือ “ห่วย” เท่านั้น แต่มันอธิบายความด้อยฝีมือของรัฐบาลในการจัดการกับปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างมาก !!

“ขออธิบายให้เข้าใจตามนี้นะครับ

“1. ทหารไทยไม่มีคำว่าทำไม่ได้ โดยเฉพาะปัญหาชายแดน และการปกป้องอธิปไตยกับการป้องกันอริราชศัตรูเข้ามาในประเทศ เมื่อคุณ “รัฐบาล” ถามว่าท่าน “ทหาร” ทำได้มั้ย ?? เชื่อผมครับทหารไทยมีแต่ “can do” ยุทธศาสตร์ เพราะเป็นงานของทหารอยู่แล้ว เพียงแต่รัฐบาลได้ประเมินหรือไม่ว่างานนี้มันมีอะไรมากกว่างาน “การทหาร” ที่จะนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน !!

“2. รัฐบาล หรือ ฝ่ายการเมืองยังขาดความรู้ในการบริหารสถานการณ์ในมิติที่เกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดน โดยเฉพาะสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ประกอบด้วยงานหลากหลายมิติ ที่มากกว่างานด้านการทหาร จึงมองปัญหาแค่เพียงมิติเดียวอย่างขาดการวิเคราะห์ถึงข้อเท็จจริง

“3. ความเป็นจริงที่ว่า รัฐบาลมีทรัพยากรในมือทั้งหมดแล้ว แต่กลับมอบหมายให้ทหารไปจัดการเอง ปัญหาที่จะเกิดขึ้นทันที คือ จะไม่สามารถสั่งการหน่วยงานอื่นได้อย่างถูกต้อง และเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์ อาทิ ระบบการบริหารข้อพิพาทชายแดนที่ต้องใช้งานการต่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงร่วมสมัย

“4. กลับกันกัมพูชาได้ใช้องคาพยพการจัดการสถานการณ์นี้อย่างเป็นระบบ ทั้งฝ่ายบริหารที่เอาทุกหน้างานมาเปิดทั้งวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ การทหาร และนำเรื่องทั้งหมดออกไปด้วยงานการต่างประเทศ การกระจายกันทำงานฝั่งกัมพูชาได้ส่งลงสู่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและชัดเจน

“5. หากพิจารณาเปรียบเทียบการเตรียมพร้อมของสองประเทศแล้วจะเห็นว่าความสัมพันธ์ในการบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าว เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง กองทัพบกไทย กับ รัฐบาลกัมพูชา !!

“6. ข้อกังวลคือ ในทางที่ถูกต้องแล้วการบริหารจัดการควรเป็นแบบรัฐต่อรัฐ ไม่ใช่ กองทัพบก สู้กับรัฐบาลกัมพูชา นี่ถ้าสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปและเลวร้ายขึ้น พลังอำนาจทางทหารที่เหนือกว่าของไทย อาจเพลียงพล้ำทางการเมือง การต่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา ที่กัมพูชาเตรียมเอาชนะทางยุทธศาสตร์ ก็อาจเป็นได้ เพราะต้องการยั่วยุให้ไทยใช้กำลังทหาร เพื่อสร้างความเห็นใจจากนานาชาติ นอกเหนือไปจากการปลุกระดมความเป็นชาตินิยมในกัมพูชา

“7. ต้องกลับมามองที่ไทยแล้วว่าทำไมฝ่ายการเมือง ถึงหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในครั้งนี้ ทำไมไม่ใช้ สภา มช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ) ที่มีรองนายกฯ ที่ได้รับมอบหมาย รวมกับรัฐมนตรีอีก 8 คน และ ผบ.สส. บวกกับเลขา สมช. จัดการกับปัญหา?? หรือเพราะรัฐบาลขาดประสบการณ์ อึกนัยหนึ่งคือ ไม่ยอมเผชิญหน้า เนื่องจากมีผลประโยชน์ร่วม หรือพยายามรักษาความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือไม่ ??

“8. เมื่อวานนี้ทุกคนต้องการฟังว่าแผนคืออะไร กัมพูชาเล่นใหญ่ไปไกลกว่า ICJ แล้วเพราะเค้ามองถึง UNSC และ UNGA แต่ไทยแจ้งว่า “ปิด-เปิด ด่าน” ?! แล้วเล่นใหญ่ว่าจะทำให้ฝั่งกัมพูชาเต้นกันทั้งชายแดนและทั้งประเทศ เพราะสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการข้ามแดนไปเล่นพนัน การค้าผิดกฎหมาย การข้ามแดนของคน !!

“9. ผมไม่ได้บอกว่าชีวิตคนชายแดนไม่สำคัญ แต่พอมองถึงสถานการณ์ภาพรวมแล้วไทยต้องมองภาพให้ขาดว่ามันไม่ใช่แค่สถานการณ์ทางทหารแค่เพียงชายแดนเท่านั้น รัฐบาลไทย ให้กองทัพบกจัดการ และกองทัพอาจมองในมิติการเอาชนะด้วยกำลังทหารเพียงอย่างเดียว อาจเกิดความขัดแย้งกันเองกับหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งมีแผนงานไม่ตรงกัน และอาจตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้ามในการเอาชนะทางยุทธศาสตร์ได้

“มองให้ขาดครับ ผมเสนอไปแล้วว่าต้องวางระบบการบริหารจัดการชายแดน การตอบโต้โดยใช้มิติการต่างประเทศ ที่ควบรวมมิติด้านอื่นๆ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคมจิตวิทยาและความมั่นคงร่วมสมัย ผ่านการปรึกษาหารือ บวกกับการล็อบบี้ในเวทีระหว่างประเทศ ที่ต้องทำควบคู่กับงานพื้นที่ให้สอดผสานกัน

“เวลาไม่คอยท่า อย่าโยนความรับผิดชอบให้หน่วยราชการประจำไปต่อกรกับรัฐบาลประเทศอื่นที่ใช้ทุกองคาพยพทั้งในและนอกประเทศมาบริหารจัดการกับไทย รัฐบาลไทยต้องเริ่มต้นจากการใช้กลไกการจัดการให้ถูก นำ สภา มช. มาบริหารจัดการในครั้งนี้ มารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองต้องทำทันที !!

“อยากเห็น สภาฯ เปิดวิสามัญถกแถลงเรื่องนี้เพราะมันมีผลกระทบกับคนไทยทั้งประเทศ คงต้องใช้อำนาจ ครม.วิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน หรือผู้นำฝ่ายค้านในการขอพิจารณาให้เปิดสภาฯ วิสามัญเป็นการด่วนในช่วงปิดสมัยประชุมนี้ หวังว่าจะเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศนะครับ"


กำลังโหลดความคิดเห็น