เพื่อไทย หนุน รบ.ปกป้องอธิปไตยชาติ แก้ปัญหาพิพาท “ไทย-กัมพูชา” ด้วยสันติวิธี เดินหน้าเจรจาลดผลกระทบ ปชช. ชี้ สงครามไม่ใช่ทางออก หวั่นฉุดรั้งการฟื้นฟู ศก.ประเทศ “ก่อแก้ว” หนุนกลับสู่การเจรจา จี้ จนท.จัดการพวกเรียกร้องยึดอำนาจ
วันนี้ (8 มิ.ย.) นายดนุพร ปุณณกัณต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า พรรคเพื่อไทยห่วงใยสถานการณ์อันกระทบกับประเทศชาติและประชาชน จึงได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมอบหมายให้ สส.ของพรรคทุกคนในพื้นที่ติดบริเวณชายแดน และอาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ติดตามดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกด้าน โดยพรรคเพื่อไทยยืนยันสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้ใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง และเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศ โดยพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันจุดยืนและแนวทางในการบริหารจัดการสถานการณ์ ดังต่อไปนี้
1. พรรคเพื่อไทย สนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ด้วยกลไกทวิภาคีตามแนวทางของรัฐบาล ที่นำโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเชื่อมั่นว่า การเจรจาอย่างสร้างสรรค์ภายใต้หลักการของความเคารพในเอกราชและอธิปไตยซึ่งกันและกันของทั้งสองประเทศ และแก้ไขปัญหาภายใต้กรอบของความร่วมมือระหว่างประเทศจะธำรงสันติภาพในภูมิภาค
2. พรรคเพื่อไทย มุ่งรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ซึ่งไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจมายาวนาน ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จึงสนับสนุนให้ใช้ความพยายามในทุกระดับเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดี ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน รวมถึงยังหวังให้ความสัมพันธ์นี้กระชับแน่นแฟ้นต่อไปในอนาคต
3. พรรคเพื่อไทย มุ่งมั่นให้เกิดความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ และตระหนักถึงความกังวลและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชายแดน หากเกิดภัยสงคราม ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตพี่น้องประชาชนในพื้นที่เหล่านั้นอย่างหนัก และยังจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังต้องการการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
4. พรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐบาลจะพิจารณาแก้ไขสถานการณ์อย่างรอบคอบและเหมาะสม โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการรักษาอธิปไตยของประเทศและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ป้องกันผลกระทบและปกป้องคุ้มครองสิทธิของประชาชนตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างสุดความสามารถ
5. พรรคเพื่อไทย สนับสนุนการสื่อสารข้อมูลอย่างสร้างสรรค์เพื่อลดความขัดแย้ง พร้อมขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายลดการปลุกระดมสร้างความเกลียดชังซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น พร้อมขอให้ตระหนักถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา อีกทั้งยังขอความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคมและสื่อมวลชน ให้ข้อมูลสถานการณ์อย่างรอบคอบรอบด้าน ภายใต้ความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน โดยยึดประโยชน์สูงสุดของชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
“พรรคเพื่อไทย ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงให้กำลังใจพี่น้องทหารทุกท่านในการทำหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พรรคเพื่อไทยหวังว่า การเจรจาเพื่อไปสู่หนทางการแก้ไขปัญหา และอยู่ร่วมกันของพี่น้องทั้งสองประเทศอย่างสงบสุขจะเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
ด้าน นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.พรรคเพื่อไทย ได้แสดงความเห็นสนับสนุนมาตรการตอบโต้ของรัฐบาล-กองทัพ ที่จะพาให้กลับเข้าสู่ “การเจรจา” ย้ำ การสนับสนุนและสร้างบรรยากาศที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร ผิดกฎหมาย เรียกร้องเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการตามกฎหมายทันที
ในสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่รัฐบาลเลือกหนทางที่หลีกเลี่ยงสงคราม และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้กัมพูชา นำเรื่องความขัดแย้งชายแดนไปสู่ศาลโลกที่ไทยจะเสียเปรียบ
ล่าสุด ท่าทีรัฐบาลไทย-กองทัพ ที่เริ่มตอบโต้ด้วยมาตรการจากเบาไปหาหนัก ซึ่งเริ่มจากการ “จำกัด-ปิดด่าน” โดยเฉพาะด่านที่ใกล้เคียงกับบ่อนการพนัน และสิ่งผิดกฎหมาย จำกัดการเข้าถึงชายแดนเฉพาะจุดของนักพนัน เพื่อตอบโต้ฝั่งตรงข้าม เป็นเรื่องที่ผมเห็นด้วย และขอเรียกร้องให้หนทางนี้ เป็นหนึ่งในหนทางกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาของทั้งสองฝ่ายโดยเร็วพลัน เพราะหากสถานการณ์เลยเถิดไปถึงสงครามนั้น นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่าอภิรมย์ของชาวบ้านทั้งสองชาติ รวมถึงทหารหน้างานตามชายแดน
ส่วนบางคนไม่พอใจในท่าทีที่ของรัฐบาล หรืออาจจะมีจุดยืนที่ตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย และมีท่า “เชียร์ให้ทหารทำการยึดอำนาจ”
ผมในฐานะคนที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย การปลุกปั่นกระแสให้ “การยึดอำนาจ” เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ทำลายประชาธิปไตย และทำลายเศรษฐกิจไทยอย่างย่อยยับมาในช่วง 20 ปีนี้ ถ้าไม่มีการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 ประเทศไทย ภายใต้การบริหารของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร คงเจริญไปถึงไหนต่อไหนแล้ว และถ้าไม่มีการยึดอำนาจเมื่อ ปี 2557 เศรษฐกิจไทยคงฟื้นตัวจากผลพวงของการยึดอำนาจ 2549 และก้าวหน้าอย่างมั่นคง
หลายปีมานี้เศรษฐกิจตกต่ำ ถดถอย ซึมลึก ไม่ง่ายที่จะฟื้นตัว ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้พยายามกระทำทุกวิถีทาง ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการลงทุนทั้งจากทุกทิศ โปรโมตการท่องเที่ยว หาโครงการที่สร้างงานสร้างอาชีพ ลดภาระหนี้ แต่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นอย่างที่วาดหวังไว้
ดังนั้น ใครก็ตามที่เชียร์ให้มีการยึดอำนาจ ผมคิดว่านี่คือการใช้ขอบเขตที่เกินกว่าเสรีภาพ คือ การสนับสนุนให้เกิดการยึดอำนาจการปกครอง เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจน ผมขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อการกระทำนี้โดยทันทีครับ