เปิดความเห็นบอร์ด กสทช.ค้านประมูลคลื่นฯ ชี้ราคาต่ำเกินจริง ไร้หลักเกณฑ์ เสี่ยงกระทบผลประโยชน์รัฐ-ประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการพิจารณาร่างประกาศ กสทช.ว่าด้วยการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลและแผนความถี่วิทยุในย่านต่างๆ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.68 คณะกรรมการ กสทช.ได้ประชุมพิจรณาเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 68 โดยที่ประชุมรับทราบและเห็นชอบในหลักเกณฑ์ในหลายประเด็น แต่มีกรรมการกสทช.บางท่านที่เป็นเสียงข้างน้อยเห็นแย้งในเรื่อง วิธีการประมูลและการคำนวณมูลค่าคลื่น ที่ไม่เหมาะสม
โดย รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย กสทช เศรษฐศาสตร์ ระบุกลางที่ประชุมว่า หลักการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่หมดอายุในปี 2568 มีข้อกังวลในรายละเอียด โดยเฉพาะวิธีการประมูลและการจัดกลุ่มคลื่นความถี่ ที่นำไปรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 เป็นการผสมกันระหว่างข้อเสนอแนะของที่ปรึกษาต่างประเทศและข้อเสนอของสำนักงานกสทช. ซี่งไม่ใช้ข้อเสนอแนะของที่ปรึกษาต่างประเทศเพียงอย่างเดียวตามที่สำนักงานกสทช. ให้ข้อมูลและชี้แจงแก่กรรมการ กสทช. ในคราวการประชุมครั้งที่ผ่านๆมา
“สำนักงาน กสทช. ได้ปรับรูปแบบการประมูล โดยเป็นข้อเสนอของสำนักงาน กสทช. ครึ่งหนึ่ง ในส่วนที่จัดกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม และประมูลแบบ Sequential ทีละกลุ่ม รวมกับของที่ปรึกษาต่างประเทศที่ให้ในแต่ละกลุ่มเป็น Simultaneous แต่ในเอกสารที่นำออกไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะครั้ง 1 สำนักงาน กสทช. นำเสนอว่า เป็นข้อเสนอแนะของที่ปรึกษาต่างประเทศ ซี่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในรายงานของที่ปรึกษาฯ อาจทำให้กรรมการกสทช. และผู้เข้าร่วมการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะครั้งที่ 1 เข้าใจว่า เป็นข้อเสนอแนะจากที่ปรึกษาต่างประเทศทั้งหมด การดำเนินการดังกล่าวของสำนักงาน กสทช. สามารถทำให้ได้ แต่ต้องชี้ให้เห็นว่า ส่วนใดเป็นรูปแบบการประมูลที่ที่ปรึกษาต่างประเทศเสนอ ส่วนใดเป็นข้อเสนอแนะที่สำนักงาน กสทช. นำมาปรับปรุง ต้องชี้แจงเหตุผลด้วยว่า ทำไมจึงเสนอวิธีการประมูลแบบนี้ พร้อมทั้งข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้นในมิติต่างๆ” กรรมการกสทช.ด้านเศรษฐศาสตร์ ระบุ
รศ.ดร.ศุภัช กล่าวว่า ทางด้านวิธีการประมูลคลื่นความถี่ด้วย โดยได้แนะนำให้สำนักงานกสทช. วิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการประมูลแบบรวมและแบบแยก เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าของทรัพยากรในบริบทการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากประเทศไทยมีผู้ประกอบการหลักเพียง 2 ราย ที่อาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันและรายได้ของรัฐ นอกจากนี้ยังมีการเสนอรูปแบบการประมูล 3 แบบ แต่สำนักงานกสทช. ไม่ได้ทำการเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียอย่างครบถ้วน ฉะนั้นข้อมูลที่สำนักงานกสทช. ใช้ไม่สอดคล้องกับรายงานของที่ปรึกษาต่างประเทศ อาจทำให้กรรมการกสทช.เข้าใจคลาดเคลื่อน
ส่วนกรณีที่สำคัญคือการกำหนดราคาตั้งต้นในการประมูล ไม่มีที่มาและเหตุผลที่เหมาะสมนั้น กรรมการกสทช.ด้านเศรษฐศาสตร์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการคำนวณราคาที่ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมการแข่งขันและการทดแทนกันทางเทคนิค โดยเสนอให้ทดลองคำนวณโดยไม่ตัดข้อมูล Outliers เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันของตลาด ทั้งนี้ยังมีกรรมการกสทช.คนอื่นที่ยังไม่เห็นด้วยกับการคิดมูลค่าคลื่น โดยที่ประชุมมีข้อสรุปในความเห็นหลากหลายว่าราคาตั้งต้น ของแต่ละคลื่นควรจะเป็นเท่าใด ซึ่งยังไม่มีบรรทัดฐานในเรื่องนี้ ฉะนั้นอยากให้กสทช.เห็นถึงความสำคัญของการวิเคราะห์และตัดสินใจที่รอบด้านในการจัดสรรคลื่นความถี่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อรัฐและนำรายได้เข้ารัฐ ส่งผลดีต่อผู้บริโภคในอนาคต เนื่องจากขาดหลักการที่สมเหตุสมผลที่อ้างอิงได้ทางเศรษฐศาสตร์ และบทสรุปของสำนักงานกสทช. อาจไม่ตรงกับสิ่งที่เสนอพิจารณาในที่ประชุมจึงอยากให้มีการทบทวน ก่อนเกิดการประมูลขึ้นจริง ไม่เช่นนั้นหากเกิดความเสียหายไปแล้ว ยากที่จะย้อนกลับมาแก้ไขได้.