ปรับใหญ่กระเพื่อมหนัก “อุ๊งอิ๊งค์”เอาอยู่ !?

เมืองไทย 360 องศา

ในที่สุด นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ออกมายอมรับแล้วว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ แต่ต้องรอหารือกับบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นลักษณะ “ปรับใหญ่” มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกระทรวง ซึ่งการปรับในลักษณะแบบนี้ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการ “กระเพื่อม” ทั้งในพรรคร่วมและในรัฐบาลด้วยกันเองสูงมาก

วันที่ 4 มิถุนายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่พรรคภูมิใจไทย เสนอให้มีการปรับใหญ่ ได้ส่งสัญญาณอะไรมาหรือไม่ว่า ยังไม่ได้คุยกับพรรคภูมิใจไทยเลยเรื่องนี้ แต่จะคุยเมื่อจำเป็น

“หากต้องปรับจะต้องคุยอยู่แล้ว จู่ๆไปปรับ โดยไม่บอกเขาอยู่แล้ว จริงๆ ทุกคนต้องคุยกันก่อนอยู่แล้วว่าอย่างไร และหากจะจำกัดหรืออย่างไร ก็เป็นส่วนที่เราต้องปรับในส่วนของพรรคเพื่อไทยด้วย และ ครม.ทั้งหมด ต้องคุยกัน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องคุยในรายละเอียดแบบนั้น อยู่ในช่วงของการประเมิน และการคิดว่าจะปรับแบบไหนแล้วดีขึ้น”

ถามว่า นายกรัฐมนตรี ได้ส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ กล่าวว่า ยัง แต่มีการคิดเรื่องการปรับ แต่ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจะมีการปรับในส่วนของพรรคเพื่อไทยก่อนหรือปรับใหญ่เลยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าพูดตอนนี้ยังเร็วไป ขออย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวพูดแล้วกระทบ และข่าวที่มีการวางกระทรวงออกมา เรื่องยังไม่ทันออกจากตนเองเลย คนที่มีชื่อถูกปรับไป ก็จะเกิดความสั่นไหวว่าจะอย่างไรดี และแน่นอนว่าต้องคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลก่อนอยู่แล้ว คุยเพื่อให้คำปรึกษากัน และเพื่อเอาคอมเมนต์

เมื่อถามว่า แสดงว่า นายกรัฐมนตรีเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับ ครม. ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการพิจารณาอยู่ในใจ พิจารณาอยู่

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลส่งสัญญาณมาบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยัง ยังไม่ได้ถามเลย ซึ่งหากสุดท้ายแล้ว ต้องปรับจริงๆ ต้องเรียกมาแสดงความคิดเห็นกันอยู่แล้ว ตนเองไม่ค่อยอยากให้ไม่คุย แล้วทำไปเลย ก็เอาเวลาที่เหมาะสมอย่าพึ่งไปเร่งเลย หากเร่งแล้ว เดี๋ยวปรับออกมาไม่โอเค

ส่วนในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องดูภาพใหญ่ทุกกระทรวง หรือต้องปรับตามโควตาของแต่ละพรรค นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่ได้คิดเลย เดี๋ยวปรับแล้วบอก ขอเคลียร์เรื่องอื่นก่อน เรื่อง ครม.ยังไม่ปรับ และเมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยคุยเรื่องนี้แล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย

แม้ว่าเมื่อฟังจากคำพูของ น.ส.แพทองธาร แล้ว อาจฟังไม่ค่อยรู้เรื่องนัก แต่พอจับใจความได้ว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในเร็วๆนี้ โดยปรับหลายกระทรวง โดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคแกนนำนั้นต้องมีการปรับแน่ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องรอหารือกันก่อน

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ความเคลื่อนไหวในการปรับคณะรัฐมนตรี “แรง” ขึ้นมาจากคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็น “เจ้าของพรรคเพื่อไทย” ตัวจริงและชักใยนายกรัฐมนตรีที่เป็นลูกสาวของตัวเอง ต้องการทวงโควตากระทรวงมหาดไทย คืนมาจากพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงมีการพาดพิงไปถึงความต้องการดึงกระทรวงเกษตรฯเข้ามาให้พรรคเพื่อไทยดูแลด้วย เพื่อมารองรับการเลือกตั้งครั้งหน้า และยังระบุว่า ที่ผ่านมาผลงานของกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การบริหารของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังไม่เข้าตา ทำให้เพิ่มดีกรีความขัดแย้งเพิ่มขึ้นไปอีก

ล่าสุด มีรายงานว่าพรรคภูมิใจไทยได้เสนอ “ให้ปรับใหญ่” แบบรื้อกระทรวง นำมาเกลี่ยกันใหม่ ไม่ใช่เฉพาะแค่กระทรวงมหาดไทยอย่างเดียว ซึ่งข้อเสนอแบบนี้อาจสร้างความปั่นป่วนให้กับรัฐบาล เพราะอาจเกิดแรงกระเพื่อมจนถึงขั้นรัฐบาลล่มก่อนกำหนดได้

แต่อย่างไรก็ดี ทางพรรคภูมิใจไทย มีการแถลงว่ายังไม่ได้รับแจ้งจากนายกรัฐมนตรี และไม่มีการเจรจาประสานเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีจากแกนนำพรรคคนใด เพราะพรรคได้มอบหมายให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเท่านั้นในการตัดสินใจ

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังไม่ได้รับแจ้งจากนายกรัฐมนตรี ว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี และไม่มีแกนนำพรรคเพื่อไทย ประสานไปที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น ข่าวเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีทั้งหมดที่ออกมาและเกี่ยวพันกับพรรคภูมิใจไทย จึงไม่เป็นความจริง พรรคภูมิใจไทยไม่เคยเสนอเงื่อนไขใดๆ เกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีให้กับนายกรัฐมนตรี หรือแกนนำพรรคเพื่อไทย

“พรรคภูมิใจไทย ไม่เคยก้าวล่วงพรรคการเมืองอื่น เพราะเรายึดถือข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้มอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้พรรคการเมืองที่มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว พรรคภูมิใจไทยเคารพข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาล และรักษามารยาทการทำงานร่วมกันมาโดยตลอด”

นางสาวแนน กล่าวอีกว่า หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพูดชัดเจนมาตลอดว่าอำนาจการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นของนายกรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้น และจะรับฟังจากนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว จนถึงขณะนี้ วันที่ 4 มิถุนายน 2568 นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้แจ้งให้ทราบว่ามีความประสงค์จะปรับคณะรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยจึงยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี

“ขอย้ำว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ไม่มีการเจรจา และไม่เคยเสนอเงื่อนไขใดๆ ให้นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล หัวหน้าพรรค จะเป็นผู้แถลงให้ทราบเอง” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว

แน่นอนว่า การเคลื่อนไหวปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จะว่าไปแล้ว หลายคนมองว่าน่าจะเป็นความต้องการของ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก เพราะมองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะสำหรับเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย และเกษตรและสหกรณ์ ที่มีผลต่อกลไกรัฐทั่วประเทศ และเกี่ยวข้องกับเกษตรกรส่วนใหญ่ ที่ผ่านมาอยู่ในมือของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น อำนาจสั่งการและการขับเคลื่อนนโยบายทำได้ไม่สะดวก อีกทั้งยังมีบางเรื่องที่ทำให้ติดขัด เช่น เรื่อง “บ่อนการพนัน” ที่กระทรวงมหาดไทยถือว่าเป็นกลไกหลัก 

ดังนั้นหากต้องการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวต่อไปก็จำเป็นต้องยึดโควตาดังกล่าวกลับมา เพียงแต่ว่าจะทำได้หรือไม่ และพรรคภูมิใจไทยจะยอมหรือไม่ ซึ่งตามรูปการณ์แล้วถือว่าเป็นไปได้น้อยมาก

อย่างไรก็ดี มาถึงนาทีนี้และฟังจากสัญญาณของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยน่าจะเป็นการปรับหลายกระทรวง ซึ่งในที่นี้น่าจะเป็นในส่วนของพรรคเพื่อไทยเองเป็นหลัก เพราะมีหลายกระทรวงที่ผลงานไม่เข้าตา ต้องปรับด่วน ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ยังไม่แน่ชัดว่าจะปรับหรือไม่ เพราะหากมีการปรับไปถึงพรรคอื่นย่อมต้องเกิดอาการ “กระเพื่อม” แน่นอนและถึงขั้นรัฐบาลพังจนต้องยุบสภาก็เป็นไปได้สูง

ขณะเดียวกันคาดว่าการปรับคณะรัฐมนตรี น่าจเกิดขึ้นหลังวันที่ 13 มิถุนายน หลังศาลไต่สวนคดีที่เกี่ยวข้องกับชั้น 14 ของ นายทักษิณ ชินวัตร เสียก่อน!!