“เอกนัฏ” ย้ำภาพ “สุชาติ” กินข้าวกับ สส.รทสช. เป็นเรื่องปกติของการเมือง เชื่อ ทุกคนมีวิจารณญาณประเมินได้ บอก เดี๋ยวอีก 2-3 วัน ก็มีภาพอีก ยอมรับงานหนัก อาจขาดการสื่อสารกับคนในพรรค แต่พร้อมปรับตัว บอก อย่าคิดกันไปไกล รทสช. จะไปเป็นฝ่ายค้าน
วันนี้ (4 มิ.ย.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่งรับประทานอาหารกับบรรดา สส. ของพรรค จำนวนหลายคน ซึ่งมีกระแสข่าวว่า จะนำทีมย้ายไปอยู่กับพรรคโอกาสใหม่ ว่า การรับประทานอาหารเป็นเรื่องปกติ และเคยพูดในพรรคว่างานการเมืองมีความตึงเครียด การไปรับประทานอาหารและสังสรรค์ถือเป็นเรื่องปกติ พร้อมพูดติดตลกว่า ไปรับประทานอาหารแล้วนินทาตนเอง ก็ยังไม่ว่าเลย และที่ผ่านมาก็มีภาพและถูกปั่น และถูกไปเติมแต่งให้มีนัยทางการเมือง ซึ่งหลายคนที่อยู่ในภาพก็มาปฏิเสธ ทั้งนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา นายจิรวุฒิ สิงโตทอง สส.ชลบุรี ว่า ในการไปรับประทานอาหารไม่มีอะไร เป็นเพียงการพูดคุยกันเฉยๆ
มองว่า การปล่อยภาพออกมาเช่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายเอกนัฏ กล่าวว่า รู้สึกเฉยๆ เพราะการเมืองสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ อย่าไปหมกมุ่นกับเรื่องนี้ มองว่า ก็ต้องทำงานต่อ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีประโยชน์กับสาธารณชน แต่งานของกระทรวงที่ได้ไปจับลักลอบนำเข้าฝุ่นพิษ ตัวการใหญ่สามบริษัท และเมื่อวานนี้ ชุดสุดซอยก็ยังทำงานอยู่ ไม่ได้เอามาหมกมุ่นหรือกระทบกับการทำงาน เชื่อว่า ทุกคนที่ได้รับข้อมูลไป คนที่ดูภาพหรือคนที่รับข้อมูล ทุกคนก็คงมีวิจารณญาณในการประเมิน ว่าแปลว่าอะไร บางทีตนก็ชวนคิด ว่า ในภาพ 15 คน พอไปถึงสื่อ จาก 15 บวกมาเป็น 23 คน เฉยเลย ผีอีก 8 ตัวมาจากไหนไม่รู้ ส่งภาพเสร็จ ใส่ไปพร้อมข้อมูลอีก ชงให้พร้อมเสิร์ฟเลยแบบนี้มันก็ต้องมีสติในการเสพว่าอะไรเป็นอะไร และใน 15 คนนั้นก็ออกมากันหลายคน นี่ถ้าอีกนิดนึง สงสัยคงต้องออกมารวมตัวแถลงข่าว ปฏิเสธกันหมดแล้วมั้ง ว่าเป็นแค่การทานข้าวกันเฉยๆ อย่าไปวิตกอะไร วันสองวันนี้ สามวันนี้ สี่วันนี้ เดี๋ยวก็มีภาพทานข้าวอีก มีภาพจิบกาแฟอีกตอนนี้เป็นแฟชั่นไปแล้ว กับตนเดี๋ยวก็คงมีบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติ
เมื่อมีภาพออกมาแบบนี้ความรู้สึกของคนภายในพรรคเป็นอย่างไร นายเอกนัฎ ยอมรับว่า ในการทำพรรคการเมือง เรื่อง ประเด็นปัญหา สส. หลายครั้ง เช่น นำปัญหาในพื้นที่มาพูดคุย เป็นเรื่องสำคัญ และตนเองในฐานะเลขาธิการพรรค ก็เป็น สส.เขตมาก่อน รู้ว่าการที่ต้องแบกรับภาระและปัญหาของประชาชน ก็เป็นเรื่องที่หนัก ที่ผ่านมา ตนก็รับฟังอยู่ตลอดเวลา และได้ประชุมกับ สส. ทุกสัปดาห์ แต่ก็ยอมรับว่าบางทีเราเป็นรัฐมนตรีด้วย และช่วงนี้งานหนัก ตั้งแต่ก่อนตึกถล่มและหลังตึกถล่มก็ดูเรื่องเหล็กมา บางทีอาจจะขาดการสื่อสารไปบ้าง หลังจากเกิดเหตุก็โทรคุยกับหลายคน และหลายคนก็โทร.มาหาว่าไม่อยากให้เข้าใจผิด มาบอกว่า ไม่มีอะไรนัดสังสรรค์ทานข้าวกันเฉยๆ ซึ่งตนบอกว่า ถ้านินทาหรือบ่นตน ตนก็ไม่ว่า เพราะเครียดกันอยู่แล้วแต่มีอะไรมาบอกกัน ซึ่งก็โทรคุยกับทุกคน อะไรที่ทางพรรคหรือตน ในฐานะผู้บริหารขาดตกบกพร่องไป ก็จะปรับตัว
ส่วนได้เคยพูดคุยกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะที่ต้องรับผิดชอบประชาชน จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ได้พูดคุยกันอยู่ตลอด และมีตนเองพูดอยู่แล้ว
แต่ทางหัวหน้าพรรคไม่เคยสื่อสารอะไรออกมา นายเอกนัฏ มองว่า บุคลิกของแต่ละคน และสไตล์การทำงานไม่เหมือนกัน ซึ่งตนเองได้พูดแซวหัวหน้า และลูกพรรคว่า บางทีอาจไม่ใช่สุภาพบุรุษ หลายคนเห็น เวลาพวกทุนเทา กากพิษ เหล็ก มาตั้งค่าหัว มาเล่นกับตนเองอย่างนั้น ตนก็มีส่วนออกไป และสื่อหลายคนก็รู้ดีว่า ตนเองเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ปฏิเสธที่จะรับสาย และเวลาโทรมาสัมภาษณ์ก็พูดตรงๆ
ส่วนตอนนี้มีกระแสข่าวว่า จะให้พรรครวมไทยสร้างชาติไปเป็นฝ่ายค้าน นายเอกนัฏ กล่าวว่า คิดกันไปไกล เอาประเด็นที่เกี่ยวกับตัวพรรครวมไทยสร้างชาติดีกว่า พรรคใครพรรคมันจำเป็นต้องพูดคุยกับนายสุชาติหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่มีอะไรติดใจ เพราะเข้าใจ การเมืองมีกติกา การเมืองมีมารยาทอยู่แล้ว ตนเองอายุยังน้อย ยังอยู่ในวงการนี้อีกนาน จะทำอะไรพยายามรักษากติกา และรักษามารยาททางการเมือง เพราะการสู้กันก็เหมือนกันขึ้นเวที ใส่นวมเสร็จชกกันเสร็จ จบ อย่ามาโกรธกัน ถ้าอยู่ในกติกาก็ไม่ว่ากัน
ส่วนที่มีการบีบให้ไปเป็นฝ่ายค้าน นายเอกนัฏ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการบีบอะไร แล้วเมื่อวานนี้ได้เจอกับนายกรัฐมนตรี ยังพูดคุยกันตามปกติ และทำงานตามปกติ ยังไม่มีสัญญาณมาบีบอะไร ในประเทศไทยคนมีอำนาจตั้งคณะรัฐมนตรี มีเพียงคนเดียวคือนายกรัฐมนตรี และ ยังเชื่อว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยังมีเอกภาพ ที่จะไปในทางเดียวกันหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า เรามีเอกภาพพอที่จะทำงาน แต่ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง ทุกพรรคมีปัญหาหมด เวลาทำงานกับมนุษย์มีทั้งเรื่องส่วนตัวและ เรื่องส่วนรวม ถือเป็นปกติ แต่สำคัญคือเราต้องรักษาภาพรวม ไม่ว่าสถานะเป็นอย่างไร เราต้องเดินหน้าทำงานได้
ส่วนท่าทีของนายสุชาติอยากจะขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขอให้ไปถามนายสุชาติเอง ตนไม่ขอตอบแทน
ทั้งนี้ นายเอกนัฏ ยังชี้แจงถึงเรื่องการปรับข้อบังคับพรรค ว่า มีการปรับทุกปี เวลามีประชุมใหญ่ ซึ่งก็มีวิวัฒนาการ และให้ยึดโยง กับตัวรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกมากที่สุด เมื่อใช้ไปแล้วพบว่ามีปัญหาบ้าง หรือบางส่วนเขียนยังไม่ชัดก็ต้องไปแก้ไขให้ชัด แค่นั้นเอง โดยได้มีการปรับแก้ตั้งแต่ในช่วงเดือนมีนาคม ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุแล้วพึ่งมาแก้ เราแก้ก่อนที่เหตุจะเกิด ไม่ได้แก้ระเบียบเพื่อจะไปทำอะไรกับใครเฉพาะเจาะจง ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค