xs
xsm
sm
md
lg

ผ่า"ฮั้ว สว." ผลรอบไขว้สาย “สีน้ำเงิน” หลักฐาน AI มัดแน่น!- “ปลาใหญ่” ตัวไหนจะถูกลากขึ้นจากน้ำเดี๋ยวรู้!! ** “เสี่ยเฮ้ง” แยกทาง “พีระพันธุ์” ไปหา “โอกาสใหม่” แต่นายทุนคนเดิม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี - สุชาติ ชมกลิ่น -พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
ข่าวปนคน คนนปนข่าว


++ ผ่า "ฮั้ว สว." ผลรอบไขว้สาย “สีน้ำเงิน” หลักฐาน AI มัดแน่น!- “ปลาใหญ่” ตัวไหนจะถูกลากขึ้นจากน้ำเดี๋ยวรู้!!

ได้ยินเสียงแว่วๆ มาแต่ไกลว่า “ดีเอสไอ” เขาทำงานจับ “ฮั้วสว.”เข้าขั้น "ดิ้นไม่หลุด" อีกแล้ว!

นั่นก็คือ การจับโป๊ะ "ฮั้วสว." รอบไขว้สาย อันจะทำให้นักการเมืองบางคน-พรรคการเมืองบางพรรคที่“บงการ”อยู่เบื้องหลัง หงายหลังผลึ่ง ตะลึงตึงตึง กันเลยทีเดียว

วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี
วงในกระซิบมาว่า งานนี้ ดีเอสไอเขาไม่ได้มาเล่นๆ นอกจากจะเจอ "โพยสั่ง" ในระดับอำเภอและจังหวัดแล้ว ในรอบสุดท้ายของการเลือกสว. ระดับประเทศนี่แหละที่ "ของจริง" มันปรากฏ! และพระเอกของเรื่องนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน...แต่เป็น " AI"ผู้ช่วยแห่งยุคสมัยนี้นั่นเอง!

ว่ากันว่า ดีเอสไอ เขาสั่ง " AI" ให้ไปจ้องกล้องวงจรปิดในคูหาเลือกตั้งแบบ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ส่องกันแบบ "เฟรมต่อเฟรม" ใครยกมือ ใครชะโงก ใครทำท่าทางน่าสงสัย " AI" เก็บเรียบ!

จากจำนวนบัตรเลือกตั้งรอบนี้ 3,200 ใบ แต่ละคน ก็เลือกได้ตั้ง 5 ชื่อ ถึงแม้จะมีบางคูหาไฟดับบ้าง กล้องหันผิดมุมบ้าง หันไม่ตรงกับจังหวะที่เจ้าหน้าที่ กกต.ชูบัตรขึ้นมาบ้าง แต่ AI ก็จับมาได้ตั้ง 2,478 ภาพ! แค่นี้หลักฐานก็ "แน่นปึ้ก" จนไม่ต้องสงสัยแล้ว

มงคล สุระสัจจะ
ที่น่าสนใจสุดๆเห็นจะเป็น "สว. สายสีน้ำเงิน" ที่มีอยู่ตั้ง 433 ชีวิต จากทั้งหมด 800 คน แหม...สายนี้เขา "เหนียวแน่น" กันจริงๆ เลือกชื่อในโพยเดียวกันเป๊ะๆ ซ้ำกันราวกับ "ก็อปปี้วาง" ไม่มีผิดเพี้ยน!

อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น หากบังเอิญก็คงเป็นเรื่อง "บังเอิญอย่างตั้งใจ" เพราะ มันคือ "ปฏิบัติการตามโพย" ชัดๆ! เหมือนกับที่เคยเจอในระดับอำเภอและจังหวัดไม่มีผิด

แล้ว " AI" ก็เก่งกาจสามารถ จับโป๊ะการฮั้วได้เป็นกลุ่มๆ ไม่ว่าจะเป็น สาย ก. กลุ่มพนักงานเอกชน, กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว, กลุ่มวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ไปจนถึงกลุ่มศิลปะบันเทิง หรือ จะเป็นสาย ข. ที่มีทั้งกลุ่มข้าราชการ, กลุ่มสาธารณสุข, กลุ่มทำสวน ไปยันกลุ่ม NGO และ สื่อมวลชน โอ๊ย...เยอะแยะตาแป๊ะขายไก่!

แถมยังมี "แกนนำ" แต่ละกลุ่มให้ตามสืบสาวราวเรื่องกันอีกด้วย

เช่น สาย ก กลุ่ม 20 อื่นๆ ซึ่งกลุ่มนี้มีแกนนำอย่าง “อลงกต วรกี” หรือ สาย ข กลุ่ม 1 การบริหารราชการ/ความมั่นคง ที่มีแกนนำอย่าง “วีระศักดิ วิจิตร์แสงศรี”, “มงคล สุระสัจจะ” ก็ต้องไปถามกันเอาเองเด้อ ?

อลงกต วรกี
ที่สำคัญคือ ไม่ใช่แค่สาย ก กับ สาย ข เท่านั้นที่โดน "AI" จับได้ สาย ค และ สาย ง ก็ไม่น้อยหน้า มีทั้งกลุ่มทำนา, กลุ่มอสังหาฯ, กลุ่ม SME, กลุ่มอุตสาหกรรม, กลุ่มผู้สูงอายุ, กลุ่มกฎหมาย, กลุ่มการศึกษา, กลุ่มสตรีแม่บ้าน และอีกสารพัดกลุ่ม ที่ผลการเลือกตั้งออกมา "ตรงกัน” อย่างน่าประหลาดใจ!

การที่ผลการเลือกตั้งมันออกมา "เป๊ะเว่อร์" เหมือน "พิมพ์เขียว" เดียวกันในทุกกลุ่มอาชีพแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่อง "โชคช่วย" แล้วท่านผู้ชม! เป็นการ "ยืนยัน" แบบไม่ต้องสงสัยเลยว่า การเลือกตั้ง สว. รอบนี้ คนบงการ คนอยู่เบื้องหลัง "เอามือเดียวปิดฟ้าไม่มิด" กลิ่นทุจริตมันฟ้อง!

งานนี้ต้องบอกเลยว่า ดีเอสไอ เขาสวมบท "นักสืบโคนัน" ถอดรหัสลับ "โพยสั่ง" ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง "AI" ได้อย่างอยู่หมัด!

หลังจากนี้คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดแล้วล่ะว่า "ปลาใหญ่" ตัวไหนจะถูกลากขึ้นจาก "บ่อโคลน" การเมืองนี้บ้าง... บอกเลยว่า ภายในเดือน "มิ.ย.นี้" รู้เรื่องแน่นอน! เตรียมปูเสื่อรอชมได้เลย!

สุชาติ ชมกลิ่น
++ “เสี่ยเฮ้ง” แยกทาง “พีระพันธุ์” ไปหา “โอกาสใหม่” แต่นายทุนคนเดิม

พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือ “พรรคลุงตู่” เพราะเคยชู “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในศึกเลือกตั้งปี 2566 ตอนนี้ระส่ำหนัก อาจถึงขั้นแตกเละ

ถึงจะมี “ดีเอ็นเอ” ของลุงตู่ แต่ตอนก่อตั้งพรรคนั้น ไม่ต่างจากการรวบรวมเอานักการเมืองร้อยพ่อ พันแม่ มาสุมหัวเฉพาะกิจ โดยมีแกนหลัก มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งกลุ่ม กปปส. และไม่ใช่ กปปส. ส่วนอีกสายก็ตามลุงตู่ มาจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะ “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม” แยกทางกันเดิน

พอเลือกตั้งเสร็จ ได้ สส.มา 36 คน “ลุงตู่” รู้ว่าหมดลุ้นเก้าอี้นายกฯ จึงโบกมือลา ไปเป็นองคมนตรี

คราวนี้เรื่องการบริหารงานภายในพรรค ก็ตกอยู่ภายใต้การนำของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค และ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค ว่ากันว่า อยู่กันแบบเล่นพรรคเล่นพวก สนับสนุนแต่พวกตัวเอง ที่มาจากประชาธิปัตย์ ให้ได้มีตำแหน่งแห่งที่ ใครที่ไม่เข้าพวก ก็ต้องทนอึดอัด คับข้องใจ

“เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค ที่ตาม “ลุงตู่” มาจากพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ทนอึดอัดต่อไปไม่ไหว คิดหาทางขยับขยายไปหา “โอกาสใหม่”

จึงเป็นที่มาของการนัดกินข้าวมื้อกลางวันที่ โรงแรมคอนราด เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา มีส.ส. ของพรรค รทสช. มาร่วม 20 คน โดย “เสี่ยเฮ้ง” เป็นคนนัดหมาย

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
สส.รทสช. ที่มาร่วมได้แก่ “ศาสตรา ศรีปาน” ส.ส.สงขลา, “วัชระ ยาวอหะซัน” ส.ส.นราธิวาส, “พิพิธ รัตนรักษ์” ส.ส.สุราษฎร์ธานี, “พันธ์ศักดิ์ บุญแทน” ส.ส.สุราษฎร์ธานี, “ปรเมษฐ์ จินา” ส.ส.สุราษฎร์ธานี , “ถนอมพงษ์ หลีกภัย” ส.ส.ตรังล “กุลวลี นพอบรมดี” ส.ส.ราชบุรี, “ธิวัลรัตน์ อังกินันท์” ส.ส.เพชรบุรี , “จอ.อภิชาติ แก้วโกศล” ส.ส.เพชรบุรี , “จิรวุฒิ สิงโตทอง” ส.ส.ชลบุรี, “พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ, “เกรียงยศ สุดลาภา” ส.ส.บัญชีรายชื่อ , “ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ และส.ส.บัญชีรายชื่อ, “ธนกร วังบุญคงชนะ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหว ตั้งพรรคใหม่ ชื่อ “พรรคโอกาสใหม่” นายทุนพรรคเป็นคนเดียวกับนายทุนพรรค รทสช. ที่รู้กันดีว่า “เงินหนา-พร้อมจ่าย-โอนไว”

ที่สำคัญ มีการ “วิเคราะห์” กันเป็นการภายในว่า พรรคโอกาสใหม่ นี้การันตีการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลทุกรอบ หาก “ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย” ยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

มีการวางยุทธศาสตร์ 4 พรรค คือ “เพื่อไทย - กล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า - โอกาสใหม่ ของนักธุรกิจดัง -ประชาชาติ ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” จับมือกันเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง หากขาดเหลือ ค่อยไปหาพรรคอื่นมาเติม

นักเลือกตั้งที่มองเห็นอนาคตการเป็นรัฐบาล จึงมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันมือนั้นกันเกินความคาดหมาย และเชื่อว่าจะยังเป็นแรงดึงดูดนักเลือกตั้งนอกพรรค มาเข้าร่วมกับ “พรรคโอกาสใหม่” ได้อีกไม่น้อย

เสกสกล อัตถาวงศ์
ล่าสุด “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น บอกว่า ตนเองอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ พรรครทสช. อาจจะดีสำหรับคนบางกลุ่ม บางคน แต่สำหรับตัวเขาแล้ว เมื่อคิดว่าอยู่ไม่ได้ ก็เดินออกมาดีกว่า สส.ที่ไปร่วมกินข้าว ก็กินกันมา 5-6เดือนแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมากิน ทุกคนเป็นเพื่อนกัน เรามาร่วมกันตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่พวกเขายังไม่พูดเพราะมีเหตุผลทางการเมือง

“เสี่ยเฮ้ง” ยังบอกว่า ใครที่สบประมาทว่าจะมี สส.ไปด้วยเพียง 5–6 คนนั้น ก็อยากบอกว่า นั่นเป็นเพียงเสี้ยวเดียว!

ต่อเนื่องจากความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มเสี่ยเฮ้ง” ล่าสุดเมื่อวานนี้ (2มิ.ย.) “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ออกมาประกาศทวงคืนพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมไล่ “พีระพันธุ์” พ้นหัวหน้าพรรค โดยอ้างว่า การทำหน้าที่ไม่สง่างาม สร้างความแตกแยกในพรรค

...สส.ในพรรคบ่นมาว่า ไม่มีความอบอุ่นเลย มีแต่ความแตกแยก แตกความสามัคคี หัวหน้าพรรคเข้าถึงยาก เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ค่อยสนใจ เอาแต่พรรคพวกตัวเอง และไม่ฟังความเห็นใคร ผมจึงจำเป็นต้องขอทวงพรรคคืน เพราะผมให้ยืมไป คิดว่าจะทำให้เติบโต มีแต่จะทำให้ตกต่ำลงกว่าเดิม...

เมื่อ“แรมโบ้” ออกมาไล่ “พีระพันธุ์” มาทวงพรรคกลับคืน ทาง “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกฯ และรมว.พลังงาน และผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ออกมาสวนทันควัน ว่า... “ตามหาพรรคให้พี่แรมโบ้อยู่ครับ...

พร้อมชี้แจงเพิ่มเติมว่า “แรมโบ้” ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคไปเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันจึงไม่มีสถานภาพเป็นสมาชิกของพรรค รทสช. และ “พีระพันธุ์” ก็ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จากการเลือกตั้งอย่างถูกต้อง ตามข้อบังคับพรรค และระเบียบ กกต.

ตอนนี้ พรรคมีสมาชิกพรรคถึง 40,000 กว่าคน เป็นพรรคของประชาชนไปแล้ว ไม่ใช่พรรคของใครคนใดคนหนึ่ง ขอให้ “แรมโบ้” จำใส่กะโหลกด้วย

ต้องติดตามกันต่อไปว่า พรรคโอกาสใหม่เกิดแล้ว นายทุนพรรค จะเก็บพรรค รทสช. ไว้หรือไม่

แต่ถ้า “พีระพันธุ์” พ้นจากหัวหน้าพรรคเมื่อไร สภาพคงไม่ต่างจากผึ้งแตกรัง พรรคเฉพาะกิจอย่าง รทสช. ก็คงลงสนามเลือกตั้งได้แค่ครั้งเดียว


กำลังโหลดความคิดเห็น