xs
xsm
sm
md
lg

เละทั้งรัฐบาล นับถอยหลังอุ๊งอิ๊งค์ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร - อนุทิน ชาญวีรกูล - พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
เมืองไทย 360 องศา


หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่า รัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือว่าแทบทุกองคาพยพนั้น “เข้าขั้นเละ” แทบจะสมบูรณ์แบบแล้ว เพราะหากไล่ลงตั้งแต่ตัวผู้นำคือ นายกรัฐมนตรี เวลานี้แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย สาเหตุก็อย่างที่รู้กันก็คือ เธอไม่มีความรู้ความสามารถ ไร้ประสบการณ์ อาจไม่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ เวลานี้คนที่เคลื่อนไหวสั่งการอยู่ข้างหลังก็คือ “พ่อนายกฯ” หรือ นายทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นเอง


ที่เห็นได้ชัดก็คือ งานรัฐบาลในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ แทบจะหยุดนิ่ง เพราะนายกฯจะให้เวลากับครอบครัว กลายเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ไปแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เมื่อเวลาบ้านเมืองเจอปัญหารุมเร้าแบบนี้ ทั้งภายนอกภายในกลับไม่เห็นภาวะผู้นำของ นายกรัฐมนตรีประชุมสั่งการ มอบนโยบายแบบเป็นเรื่องเป็นราว นอกเหนือจากคำพูดท่องจำแบบ “งานรูทีน”

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง “พ่อนายกฯ” ก็มีการเคลื่อนไหวทุกเรื่องแบบไม่ให้ผ่านตา จนทำให้บทบาทของนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายของลูกสาวตัวเองแทบจะไม่มีเลย แต่กลายเป็นว่ายิ่งเข้ามาแทรกแซงมากเท่าใด ภาพลักษณ์ของ นายทักษิณ กลับยิ่งติดลบเข้าไปอีก เนื่องจากเขาไม่มีอำนาจทางกฎหมาย ทำได้แค่ “สทร.” เท่านั้น

อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากทุกเรื่อง จากทุกนโยบายที่ผลักดันและสั่งการให้รัฐบาลดำเนินการ ปรากฏว่ายังไม่เห็นเรื่องใดที่ประสบความสำเร็จสักเรื่องเดียว ไม่เชื่อก็ลองไล่เรียงกันดูว่าจริงหรือไม่ หากเอากันเฉพาะเรื่องหลักๆ เริ่มจาก “เงินหมื่นดิจิทัล” ที่เคยคุยโวว่านี่คือ “พายุเศรษฐกิจ” ที่ต้องการกระชากด้วยยาแรง เอาเข้าจริงถึงตอนนี้ก็ต้องจำใจยุติไปแล้ว

การที่บอกว่า “ยังไม่เลิก” และจะกลับมาใหม่เมื่อสถานการณ์อำนวยนั้น เป็นเพียงแก้เกี้ยวเท่านั้น หรือต้องการกลับมาแจกจริงก็ได้ แต่เมื่อถึงตอนนั้นอาจพ้นเก้าอี้ไปแล้ว เพราะเมื่อดูบรรยากาศทางเศรษฐกิจแล้วยังไม่เห็นแนวโน้มฟื้นตัวได้ง่ายๆ

เรื่องค่าแรง เงินเดินปริญญาตรี จิปาถะ ล้วนเป็นเรื่องราคาคุย ที่บอกว่า “พรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็น” ต่อไปคงไม่มีใครเชื่ออีกแล้ว

อย่างไรก็ดี ยังมีอีกบางเรื่องที่เหมือนกับว่า ต้องหลับหูหลับตาเดินหน้าให้ได้ โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น นั่นคือ โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่แทรก “บ่อนการพนัน” อยู่ข้างใน รวมไปถึงไฟเขียว “พนันออนไลน์” กำลังถูกมองว่ากำลังสร้างหายนะให้กับบ้านเมือง มีแต่เสียงคัดค้านดังระงม แต่รัฐบาลโดยนายทักษิณ กำลังจ้องหาจังหวะตาเป็นมัน หวังดันร่างกฎหมายเข้ามาอีกรอบในสมัยประชุมนี้

นอกจากนี้ หากให้ฉายซ้ำเพื่อให้เห็นภาพเรื่องปัญหาชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านรอบทิศ ทั้งเหนือใต้ ออกตก ล้วนมีปัญหารุนแรง และไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะเรื่อง “วาระซ่อนเร้น” กับ “ครอบครัวฮุนเซน” ของกัมพูชา ที่เวลานี้กำลังตึงเครียดจนบางครั้งทำให้สงสัยว่ามีเจตนาต้องการ “เบี่ยงเบน” ปิดบังเรื่องราวของตัวเองที่กำลังเจอความเสี่ยงจะต้องกลับเข้าคุกอีกหรือไม่

เมื่อวกมาที่พรรคร่วมรัฐบาล เวลานี้กำลังขยายวงมีปัญหากันแทบทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลหลัก ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย ที่ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องการทวงเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย กลับคืนมาจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยกล่าวแบบไม่ไว้หน้าทำนองว่า “ไม่มีผลงาน” ถึงกับขอกันตรงๆ เพื่อหวังจัดการเลือกตั้งคราวหน้า

แน่นอนว่า เบื้องหลังของสองพรรคนี้ล้วนมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า บรรยากาศภายในรัฐบาลกำลังมีปัญหาจริง และล่าสุดปัญหาในพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ปะทุแบบปิดไม่มิดขึ้นมาจนได้ เมื่อทำท่าแตกหักกันแล้ว ระหว่างกลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่ กับกลุ่มผู้บริหารพรรคที่ นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดย นายสุชาติ เตรียมออกไปสังกัดพรรคใหม่ มีการเอ่ยชื่อ พรรคโอกาสใหม่

แม้ว่าเส้นทางในอนาคตจะเป็นแบบไหน จะมีโอกาสใหม่ดังฝันหรือไม่ แต่เอาเป็นว่าเวลานี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กำหนดมาเพื่อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ดับสนิทแค่การเลือกตั้งครั้งเดียวเท่านั้น อนาคตคงต้องแยกย้ายกันไป

อย่างไรก็ดี หากต้องการโฟกัสในภาพรวมของรัฐบาลที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือว่าแทบจะ “เอาไม่อยู่” แล้ว แม้ว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอาจมีการ “ปรับคณะรัฐมนตรี” กันอีกครั้ง โดยเชื่อว่าเป้าหมายก็ยังอยู่ที่พรรคเพื่อไทย เป็นหลักมากกว่า เพราะถือว่าด้วยระยะเวลา 8-9 เดือน สำหรับพรรคนี้ถือว่าได้เวลาที่ต้องหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงกันแล้ว

สำหรับเป้าหมายหากให้ภายนอกชี้เป้าเวลานี้ก็ถือว่าไม่ต่างกันทุกกระทรวงต้องปรับทั้งหมด รวมไปถึงตัวนายกรัฐมนตรีด้วย ที่สมควรปรับเปลี่ยนเป็นคนแรก เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องมองไปที่กระทรวงคลัง พาณิชย์ ต่างประเทศ ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น ส่วนรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย เวลานี้คงไม่ขยับ โดยเฉพาะโควตากระทรวงมหาดไทยที่ นายอนุทิน นั่งอยู่ คงไม่คายแน่นอน

และเมื่อได้ยินเสียงกร้าวกลับมาจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ส่งเสียงเข้มไม่เหมือนเดิมคือ ฟังแต่เสียงของนายกฯเท่านั้น เมื่อบอกว่าไม่เปลี่ยนแปลง ก็ต้องเชื่อตามนั้น

“หัวหน้ารัฐบาลคือนายกฯ ซึ่งนายกฯ ให้สัมภาษณ์แล้วว่ายังไม่มีอะไร และบอกว่าผู้สื่อข่าวเองว่ายังไม่มีความคิดที่จะปรับอะไร ขออย่าเพิ่งพูด เดี๋ยวข้อความจะไม่เหมือนกันแล้วกลายเป็นประเด็นขัดแย้ง ให้ฟังนายกฯ คนเดียว เพราะเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินในการปรับเปลี่ยนอะไรก็แล้วแต่” นั่นคือ คำพูดล่าสุดของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

แต่หากถามว่า พรรคเพื่อไทย และ นายทักษิณ จะกล้าหักดิบโดยปรับพรรคภูมิใจไทยออกไป แล้วเลือกวิธีรัฐบาล “เสียงปริ่มน้ำ” ราว 142 เสียง โดยหวังพึ่งเสียง “งูเห่า” ซึ่งหากใช้วิธีแบบนี้ก็เตรียมตัวนับถอยหลังยุบสภาเลือกตั้งใหม่กันได้เลย แต่คำถามก็ไม่ว่าจะเลือกวิธีแบบไหนก็ตาม แล้วจะเอาอะไรไปหาเสียงกับชาวบ้านอีก ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว

ดังนั้นหากพิจารณาภาพรวมๆกันอีกทีจะเห็นว่า เวลานี้ถือว่า “เละ”ทั้งรัฐบาล เพราะทุกองคาพยพเริ่มคุมกันไม่อยู่ อีกทั้งศรัทธาจากภายนอกล้วนตกต่ำลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ยิ่งนายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาแทรกแซงมากขึ้นเท่าไหร่ ความเสื่อมก็จะยิ่งเร็วขึ้น เพราะเวลาเขาถูกมองว่า “เสือกทุกเรื่อง” มีแต่ภาพลบ เริ่มนับถอยหลังได้เลย!!



กำลังโหลดความคิดเห็น