วันนี้( 30 พ.ค.)นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส พรรคกล้าธรรม(กธ.)กล่าวอภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 โดยเฉพาะงบประมาณในส่วนของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ถือว่ากล้าคิด กล้าทำอย่างแท้จริง พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นดินแดนที่รอความหวังจากรัฐมาอย่างยาวนาน สิ่งที่เราเห็นในร่างงบประมาณฉบับนี้ คือการจัดสรรงบที่ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์เชิงโครงสร้าง แต่ยังเข้าใจหัวใจของประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องแหล่งน้ำและการชลประทาน งบกว่า 300 ล้านบาท ลงไปในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ขุดลอกคลอง ฟื้นฟูฝายเก็บน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ในหลายอำเภอของนราธิวาส ยะลา และปัตตานี ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเกษตรกรรมในพื้นที่
นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า โครงการหลายอย่าง เช่น ฝายบ้านจือแร อ.ศรีสาคร ระบบส่งน้ำบ้านโต๊ะเด็ง อ.สุไหงโก-ลก และ คลองกือจ๊ะ อ.รือเสาะ ไม่ใช่แค่สร้างน้ำ แต่คือการสร้างความมั่นใจในอาชีพ สร้างโอกาสและลดต้นทุนการผลิต อย่างชัดเจน นอกจากนั้น รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับ การฟื้นฟูอาชีพดั้งเดิม อย่าง สวนยางพารา โดยเฉพาะการปลูกซ่อมสวนยางแก่และยางเสียหายในพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ พร้อมส่งเสริมเทคโนโลยีการแปรรูปยางแผ่นรมควัน และผลิตภัณฑ์ยางพาราเพื่อส่งออก โดยมีการจัดงบกว่า 120 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ยางใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมทั้งเปิดพื้นที่นำร่องโครงการ “ยางพาราเชิงสร้างสรรค์” ที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมท้องถิ่น และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าของยางพาราไทยได้อย่างยั่งยืน
นายอามินทร์ ยังกล่าวว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณในส่วนปศุสัตว์ เพื่อพัฒนาโคพื้นเมืองสายพันธุ์ดี แพะ-แกะ เนื้อ-นม กว่า 60 ล้านบาท ในพื้นที่ที่เหมาะสม พร้อมทั้งสนับสนุนการผลิตอาหารสัตว์คุณภาพ การสร้างคลินิกปศุสัตว์เคลื่อนที่ และศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ท้องถิ่น เพื่อสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรรายย่อย ซึ่งโคและแพะในนราธิวาสไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่คือ “สินทรัพย์” ของครอบครัวเกษตรกร การลงทุนตรงนี้จึงเป็นการลงทุนในอนาคตของคนทั้งชุมชน งบประมาณในปีนี้ได้เปิดประตูใหม่ให้กับพื้นที่ของเรา คือ การส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวิถีมุสลิม โดยมีงบกว่า 80 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ในพื้นที่ชายแดนใต้ เช่น โครงการฟาร์มทัวร์ฮาลาล ที่อำเภอบาเจาะ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูง ในอำเภอแว้ง และ การส่งเสริมโฮมสเตย์เชิงวัฒนธรรมใน อ.สุไหงปาดี ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เพียงกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่ยังสร้างภาพจำใหม่ให้กับสามจังหวัดชายแดนใต้ ในฐานะดินแดนแห่งโอกาส ไม่ใช่ดินแดนแห่งปัญหา
“ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ ไม่ใช่เพียงการจัดสรรตัวเลข แต่คือการจัดสรรอนาคต คือการตอกย้ำว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ทอดทิ้งพื้นที่ปลายด้ามขวาน แต่กลับ กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และให้เกียรติประชาชนในฐานะผู้มีสิทธิ์ในงบประมาณแผ่นดิน ผมในนามของตัวแทนประชาชนจังหวัดนราธิวาส ขอสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 นี้ ด้วยความเชื่อมั่นว่า งบประมาณนี้จะเปลี่ยนความสิ้นหวังให้เป็นพลัง และเปลี่ยนพื้นที่ชายแดนใต้ให้เป็นพื้นที่แห่งความหวัง“นายอามินทร์ กล่าว