วันนี้( 30 พ.ค.)นายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม(กธ.) กล่าวอภิปรายต่อที่ประชุมสภาสมัยวิสามัญ (เป็นพิเศษ) วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนของ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นกระทรวงสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอนาคตของชาติ ในปีงบประมาณ 2569 กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณ 355,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,333 ล้านบาท คิดเป็น 4.2% ถือเป็นกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบมากเป็นอันดับที่ 3 รองจากกระทรวงการคลัง และกระทรวงกลาโหม
นายปรีดา กล่าวต่อว่า จริง ๆ แล้วการศึกษาควรได้รับงบประมาณเป็นอันดับหนึ่ง เพราะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คือ รากฐานของความเจริญอย่างยั่งยืน และเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันระดับโลก ในปีงบประมาณนี้ มีการจัดสรรงบประมาณให้กับโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา ซึ่งเป็นโครงการเช่าแท็บเล็ตให้กับนักเรียนกว่า 600,000 คน วงเงินรวม 20,001 ล้านบาท เป็นงบผูกพันระยะเวลา 8 ปี ตั้งแต่ปี 2567–2574 แต่ขณะนี้ โครงการยังไม่สามารถเริ่มได้ เนื่องจาก TOR ไม่แล้วเสร็จ งบประมาณปี 2568 ยังไม่ได้ใช้แม้แต่บาทเดียว
นายปรีดา ยังกล่าวต่อว่า แม้เจตนาโครงการจะดี แต่ผลลัพธ์น่าเป็นห่วง เพราะ แท็บเล็ตที่ใช้ มักมีคุณภาพต่ำ ไม่เท่ากับสมาร์ทโฟนที่นักเรียนมีอยู่แล้ว ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ใช้แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงมากกว่ากระบวนการเรียนรู้พื้นฐาน เช่น การอ่าน การเขียน การคิดวิเคราะห์ ถูกบั่นทอน ค่าเช่า Wi-Fi และค่าสาธารณูปโภคจะเพิ่มขึ้นในโรงเรียน โดยในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ฟินแลนด์ สวีเดน และเนเธอร์แลนด์ ภาคประชาชนและนักวิชาการได้ทำประชาพิจารณ์ และพบว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อหรือเช่าแท็บเล็ตในลักษณะนี้ ตนเห็นว่า ควรตัดงบโครงการนี้ทั้งหมด และนำงบไปลงทุนในโครงการที่เกิดประโยชน์กับนักเรียนจริง ๆ เช่น อาหารกลางวัน, ห้องสมุด, หรืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์
อีกโครงการหนึ่งที่สำคัญคือ โครงการอบรมพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษา ใช้งบประมาณ 212 ล้านบาท แต่วันนี้การอบรมที่ใช้งบเดินทาง ค่าที่พัก วิทยากร เอกสาร ฯลฯ กลับไม่ได้ผลตามเป้าหมาย ตนขอเสนอว่า ควรปรับรูปแบบอบรมเป็นระบบไฮบริด ผสมผสานระหว่าง ออนไลน์ + On-site แบบกลุ่มเล็ก และจัดตั้งศูนย์วิชาการในกลุ่มโรงเรียน เพื่อให้ครูในพื้นที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจริง ไม่ใช่แค่ไปเซ็นชื่ออบรม ตนขอตัดงบโครงการนี้ 5% เพื่อให้มีความคล่องตัวมากขึ้นและเน้นที่ผลสัมฤทธิ์
“เทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบของทุกปัญหา และงบประมาณไม่ควรมีเป้าหมายแค่ใช้ให้หมด แต่ต้องใช้ให้เกิดผลลัพธ์กับเด็กไทยอย่างแท้จริง ผมสนับสนุนงบประมาณในส่วนที่ดีและเหมาะสมจริง แต่ขอคัดค้านงบที่ยังไม่พร้อม หรือขาดประสิทธิภาพ เพื่อให้ภาษีของประชาชนถูกใช้ไปในทางที่เกิดประโยชน์สูงสุด”นายปรีดา กล่าว