วันนี้( 30 พ.ค.)นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม(กธ.) กล่าวอภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ในส่วนของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจภาคเกษตร โดยเฉพาะทุเรียน พืชเศรษฐกิจหลักที่ส่งออกและสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศไทย ข้อมูลตั้งแต่ปี 2566 ประเทศไทยส่งออกทุเรียนมูลค่ารวมเกือบ 130,000 ล้านบาท โดยมีตลาดใหญ่ที่สุดคือ ประเทศจีน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 95% ของการส่งออกทุเรียนทั้งหมด
นายกฤดิทัช กล่าวต่อว่า งบประมาณปี 2569 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการจัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้น 133,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7,819 ล้านบาท หรือประมาณ ร้อยละ 6.2 สิ่งที่น่ายินดีคือ กระทรวงได้นำงบประมาณส่วนหนึ่งไปสนับสนุนมาตรการที่แก้ปัญหาที่ต้นทาง เช่น การพัฒนาและ เพิ่มขีดความสามารถด้านการตรวจสอบคุณภาพผลผลิตก่อนส่งออก การจัดงบเพื่อพัฒนาระบบ ตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ให้สามารถยืนยันได้ว่าแหล่งปลูกมีคุณภาพและปลอดภัย และการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กรมวิชาการเกษตร, กรมส่งเสริมการเกษตร และด่านตรวจพืชชายแดน เพื่อควบคุมมาตรฐานสินค้าให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะไม่เพียงแต่ช่วยรักษาตลาด แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาวให้กับทั้งผู้นำเข้าและผู้บริโภค
นายกฤดิทัช กล่าวเสนอเพิ่มเติมว่า ควรเพิ่มงบในการอบรมและส่งเสริมความรู้ให้เกษตรกรสวนทุเรียนเพื่อให้เข้าใจมาตรฐาน GAP, การใช้สารเคมีอย่างถูกต้อง, และการเก็บเกี่ยวในระยะเวลาที่เหมาะสม รวมถึงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาทุเรียนคุณภาพส่งออก ในพื้นที่เป้าหมาย เช่น จันทบุรี ระยอง ชุมพร ฯลฯ เพื่อเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และจุดตรวจสอบคุณภาพเบื้องต้น โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันวิจัย เพื่อสร้างนวัตกรรม เช่น การยืดอายุผลผลิตโดยไม่ใช้สารเคมี, การตรวจแบบไร้การทำลาย (non-destructive)
“ทุเรียนสร้างงาน สร้างรายได้ และกำลังเป็นสินค้าที่ใช้วัดศักยภาพของไทยในตลาดโลก ผมขอขอบคุณกระทรวงเกษตรฯ ที่เห็นความสำคัญและตอบโจทย์นี้ในงบประมาณปี 2569 และผมขอยืนยันการสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นราชาแห่งทุเรียนโลกบนพื้นฐานของคุณภาพ และความยั่งยืน”นายกฤดิทัช กล่าว