“ครูจวง” ซัดรัฐบาลจัดงบ ให้ กยศ.แบบนี้ถังแตกแน่นอน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก กยศ.รายได้ลด ปล่อยให้นักเรียน-นักศึกษาที่รอความหวังยืนอยู่บนปากเหวอย่างเดียวดาย สงสัยผลักหมอ ทันตแพทย์ เภสัช พยาบาล เป็นคนยากจน ไม่ใช่แก้แบบสะเปะสะปะขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ เสนอต้องจัดให้ปีละ 2.2 หมื่นล้านทุกปี
วันนี้ (30 พ.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 นายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า การจัดงบประมาณปี69 ของรัฐบาลแบบนี้ตนไม่เห็นด้วยโดยงบกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพราะถ้ารัฐบาลจัดงบประมาณแบบนี้กยศ. ถังแตกแน่นอน เพราะเมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ กยศ จะหักเงิน 3 พันบาทกับผู้กู้ที่เคยค้างชำระหนี้ จนเกิดเสียงซุบซิบนินทาว่ารัฐบาลและกยศ.ถังแตก จนต้องมารีดเลือกกับปู ตนก็สงสัยว่ากยศ. กำลังจะถังแตกจริงหรือไม่ และเมื่อไปดูการจัดงบ69 แล้วบอกได้คำเดียวว่ารัฐบาลจัดงบแบบนี้ กยศ.จะยิ่งถังแตกหนักมากขึ้นไปอีก และยิ่งพิสูจน์ว่ารัฐบาลกำลังปล่อยให้นักเรียน นักศึกษาไทย ที่รอความหวังเงินกู้ กยศ.ยืนอยู่บนปากเหวเดียวดาย และเมื่อย้อนไปดูการจัดงบ กยศ.ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหา กยศ.ที่ต้นเหตุแท้จริง
นายปารมี กล่าวต่อว่า กยศ.ของบ 69 จำนวน 21,900 ล้านบาท แต่รัฐบาลจัดสรรให้แค่ 5,100 ล้านบาท จะพอได้อย่างไรกับนักเรียนนักศึกษาจำนวน 6.3 แสนกว่าคน ที่กำลังรอความหวังจากเงน กยศ. การที่รัฐบาลจัดงบ 69 ให้กยศ.แบบนี้สิ้นปี 69 กยศ.จะขาดสภาพคล่องรุนแรงแน่นอนแซงจะถังแตกแบบสุดๆ ซึ่งตนไม่ได้พูดลอยๆ แต่มีข้อมูลจากประมาณการเงินสดปี 67-72 ของ กยศ.มีเงินสดน้อยลง โดยงบ 67 มีเงินสดแค่ 12,774 ล้านบาท ปี68 มีเงินสดติดลบถึง 1,698 ล้านบาท ปี 69 รัฐบาลจัดงบซ้ำเติมกยศ.และดับความหวังนักเรียนนักศึกษา เพราะจัดให้แค่ 5,100 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ กยศ.มีเงินสดติดลบสูงถึง 16,708 ล้านบาท ต้นซึ่งตนเคยพูดไว้ตั้งแต่อภิปรายไม่ไว้วางใจว่ากยศ. กำลังจากถังแตกแต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ออกมาปฏิเสธว่าไม่จริง กยศ.สภาพคล่องยังดีอยู่ แต่สุดท้ายก็ไปขอ แต่ญัตติได้งบมาเกือบ 4 พันล้านบาทต่อมาตอนอภิปรายงบ 68 วาระ2 ตนก็ถามนายจุลพันธ์อีก นายจุลพันธ์ก็พูดให้ตนเชื่อมั่นรัฐบาลในการ กลับดูแล กยศ. พูดเสร็จท่านก็ไปของบกลางอีก2,800 กว่าล้านบาท
“เดี๋ยวปีนี้ท่านก็คงพูดอีกว่า กยศ.ถังไม่แตก แต่วันนี้ไม่มีใครเชื่อลมปากท่านรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว ผู้กู้และนักเรียนที่เขารอเงินกู้อยู่ เลิกหวังหมดความเชื่อมั่นในตัวท่านกันหมดแล้ว วันนี้เกิดเหตุการณ์ที่สะท้อนว่าสถานะทางการเงินของ กยศ. กำลังมีปัญหารุนแรงทั้งแตกแน่ๆ แต่คงโทษใครไม่ได้นอกจากรัฐบาลที่จัดสรรให้ไม่เพียงพอ หลังจากที่แก้กฎหมาย กยศ. รัฐบาลก็รู้อยู่เต็มอกว่ารายรับ กยศ. ลดลงจากเบี้ยปรับที่ลดลงแต่รัฐบาลก็ไม่ได้นำพา ดิฉันพูดไม่รู้กี่ครั้งกี่หน แต่รัฐบาลก็ทำหูทวนลม คนรับกรรมคือผู้กู้ อดีตนักเรียน นักศึกษา ต้องมารับกรรมที่รัฐบาลเป็นคนก่อขึ้น และเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลแก้ปัญหากยศ.แบบสะเปะสะปะ แก้ไขรายวันขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ไม่ได้แก้ทั้งระบบอย่างลงลึกถึงสาเหตุที่แท้จริงเลย” นายปารมี กล่าว
นายปารมี กล่าวต่อว่า ปี 68 จะเป็นปีแรกที่ กยศ. เปลี่ยนหลักเกณฑ์การกู้เงินของนักศึกษาใหม่ในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพเช่น หมอ ทันตแพทย์ เภสัช พยาบาลจากเดิมที่สาขานี้เคยกู้ตามหลักเกณฑ์ผู้กู้ลักษณะที่สองคือสาขาหลักที่เป็นความต้องการของประเทศแต่กยศ. เปลี่ยนพวกเขาไปเป็นผู้กู้ลักษณะที่หนึ่งคือนักเรียนนักศึกษาที่ขาดแคนทุนทรัพย์ ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างตามมาคือนักศึกษาวิทยาศาสตร์สุขภาพเหล่านี้จะต้องมีบางคนไม่สามารถกู้เงินจาก กยศ. ในปีนี้ได้แน่นอนเพราะต่อไปนี้นักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพที่เป็นนักศึกษาใหม่ที่จะมากู้ตามหลักเกณฑ์ใหม่นี้เขาจะต้องยากจน ขาดแคลนทุนทรัพย์เท่านั้น ซึ่งตนสงสัยว่าสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพนี้ไม่ใช่สาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลักของประเทศตรงไหน จะทำให้ผู้กู้ตกหล่นไม่ได้เงินกยศ.แน่นอน การที่รัฐบาลจัดงบให้ กยศ.ที่มีผู้กู้ 6 แสนกว่าคนในปีนี้ แสดงว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการช่วยเหลือผู้ที่รอเงินกู้ กยศ.เลย ตรงกันข้ามกับ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงไว้ว่าเด็กทุกคนจะเติบโตอย่างเท่าเทียมและได้เข้าเรียนหนังสือเท่าเทียมกัน แต่จัดงบแบบนี้พวกเขาจะได้เรียนเท่าเทียมอย่างไร เหมือนรัฐบาลกำลังปล่อยให้พวกเขายืนลำพังบนปากเหว
นายปารมี กล่าวอีกว่า ขอฝากข้อเสนอไปยังรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1. รัฐบาลจะต้องจัดสรรงบให้ กยศ. อย่างเพียงพอ กยศ.จะต้องปล่อยเงินให้ผู้กู้ปีละประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท จะได้จากผู้กู้กลับมาปีละ 2 หมื่นล้านบาท ฉะนั้น รัฐบาลต้องจัดงบให้อย่างน้อยปีละ 2.2 หมื่นล้านบาท ขอให้รัฐบาลใส่งบประมาณที่จัดให้ กยศ.เป็นงบฯประจำปีอย่างชัดเจน 2. กยศ.ต้องแก้ปัญหาบริหารจัดการระบบให้มีประสิทธิภาพ และ 3. กยศ ต้องเร่งปรับปรุงระบบ กยศ.ดิจิทัล วางระบบ DSLให้เสร็จตามระบบภายในเดือนก.พ. 69 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้กู้ทุกราย และ กยศ.ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ว่ามีประสิทธิภาพ เพราะเงินกู้ กยศ.คือทางรอด คือ การต่อลมหายใจเด็กได้เรียนหนังสือ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และการศึกษาไทยที่ไม่ฟรีจริง