xs
xsm
sm
md
lg

“เชาวฤทธิ์”หนุนงบ 69 เชื่อ กระทรวงเกษตรฯนำไปต่อยอดนโยบายเพื่อเกษตรกร ขออบรมให้ความรู้ทำนาแบบเปียกสลับแห้งสู่ข้าวคาร์บอนต่ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้( 30 พ.ค.)นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม(กธ.) กล่าวอภิปรายต่อที่ประชุมสภาสมัยวิสามัญ (เป็นพิเศษ) วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาทว่า ตนขอสนับสนุนงบประมาณในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะกรมการข้าว ที่วันนี้ข้าวไทยกำลังแข่งขันบนเวทีโลกในเรื่องราคาและคุณภาพ รวมไปถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม นาข้าวคือแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันดับหนึ่งของภาคการเกษตรคิดเป็น 49% ของภาคการเกษตรทั้งหมดและส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทน ที่มีอันตรายกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

นายเชาวฤทธิ์ กล่าวต่อว่า คำถามคือเราจะปลูกข้าวอย่างไรให้ชาวนาได้ประโยชน์ประเทศได้เครดิต คำตอบก็คือ การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำในนาตลอดฤดู แต่จะปล่อยให้นาแห้งเป็นช่วงๆ ทำให้ลดการใช้น้ำปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และที่สำคัญคือ การลดก๊าซมีเทนได้กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยยังได้ข้าวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือที่เรียกกันว่าข้าวคาร์บอนต่ำ อีกทัังชาวนายังสามารถนำคาร์บอนเครดิตไปขายให้กับบริษัทที่รับซื้อทำให้มีรายได้เสริมเพิ่มขึันด้วย ตนจึงขอขอให้จัดสรรงบประมาณปี 69 ไปดูแลเรื่องนี้ด้วย

“การดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯที่ผ่านมา เป็นที่น่าชื่นชมรัฐมนตรีทััง 2 ท่าน โดยเมื่อปี 2567 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ได้ออกนโยบายเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร และในปี 2568 และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ได้ออกนโยบายโฉนดต้นยางพารา และโฉนดต้นไม้ เพิ่มสินทรัพย์บนดิน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชาวสวนให้เติบโตและยั่งยืน ซึ่งผมเชื่อว่า 2 นโยบายดังกล่าวที่เกิดขึ้นจะให้ชีวิตของเกษตรกรกว่า 30 ล้านคนทั่วประเทศดีขึ้น”นายเชาวฤทธิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น