xs
xsm
sm
md
lg

ใบเสร็จ รพ.ตำรวจ 26ใบ มีแต่ค่าห้อง ไม่มีค่ายา มัด 'ทักษิณ' ป่วยทิพย์ !! ** งบประมาณ 69 เงินทอนสะพัด? ผู้ทรงเกียรติกลายเป็น "ผู้ทรงเกียจ" หายหัวเกือบเกลี้ยงสภา!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ ใบเสร็จ รพ.ตำรวจ 26ใบ มีแต่ค่าห้อง ไม่มีค่ายา มัด 'ทักษิณ' ป่วยทิพย์ !!

แล้ว“สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ก็ได้วีโต้ มติของแพทยสภา ที่ลงโทษแพทย์ 3 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไปตามความคาดหมาย

ที่เป็นเช่นนั้น เพราะ “สมศักดิ์” เป็นคนของ “ทักษิณ” มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อเจ้านายเจอวิกฤต ก็ต้องทุมเท รับใช้ ถวายหัว
โดยเฉพาะถ้า “ทักษิณ”พัง รัฐบาลก็พังด้วย และตำแหน่งรมว.สาธารณสุข ของตนเองก็ไม่เหลือ

ย้อนไปในสมัยรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มี “สมศักดิ์” คนนี้แหละเป็นรมว.ยุติธรรม และเป็นคนแก้ไขระเบียบของกรมราชทัณฑ์ เกี่ยวกับเรื่องการ “คุมขังนอกเรือนจำ” ว่ากันว่าเป็นการเตรียมไว้รอการกลับมาของทักษิณ โดยเฉพาะ

แต่ก็มีเสียงตะแบงว่า นักโทษคนอื่นก็ได้ประโยชน์ ใช่ว่าทักษิณได้คนเดียวซะที่ไหน

และในช่วงปลายรัฐบาลลุงตู่ “สมศักดิ์” ก็ลาออกจาก รมว.ยุติธรรม “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี เข้ามารักษาการ รมว.ยุติธรรม แทน

เช้าวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ที่ “ทักษิณ” นั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไทย ในฐานะนักโทษ จากนั้นถูกส่งตัวไป รับหมายแจ้งโทษที่ศาลฎีกา ก่อนเข้าสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

เมื่อไปถึงก็เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อตรวจสุขภาพเป็นอันดับแรก เพราะเป็นกลุ่มเปราะบาง อายุเกิน 60 ปี และจากประวัติ พบว่ามีโรคประจำตัว จึงต้องมีการแยกการคุมขังไว้ที่สถานพยาบาล ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

และบ่านยวันนั้น “วิษณุ เครืองาม” ก็เข้าไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นัยว่า เพื่อ “เคลียร์” ความเรียบร้อย พอตกดึก “ทักษิณ” ก็ป่วยหนัก ด้วยโรคเกี่ยวกับหัวใจ จึงต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ และ พักที่ชั้น 14 รักษากันยาวไป เป็นเวลา 6 เดือน กระทั่งถึงกำหนดพักโทษ จึงกลับไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ทักษิณ ชินวัตร
นั่นจึงเป็นที่มาของ มติแพทยสภา เพื่อสื่อความนัย ว่า “ทักษิณป่วยวิกฤต” จริงหรือไม่

และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็นัดไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ว่าช่วง 6 เดือน ที่ “ทักษิณ” ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาที่ชั้น 14 ร.พ.ตำรวจ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากศาลนั้น จะนับว่าเป็นการ “ติดคุก”หรือไม่

เพราะศาลตัดสินจำคุก ทักษิณ รวม 3 คดี เป็นเวลา 8 ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือ 1 ปี แต่ที่ผ่านมานั้น สังคมส่วนใหญ่มองว่า “ทักษิณ” ไม่ได้ติดคุกตามคำพิพากษาของศาลฯ แม้แต่วันเดียว!

“ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” อดีต สส.นครนายก ได้ไปยื่นคำร้อง ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้พิจารณาถึงเรื่องนี้ถึง 3 ครั้ง แต่ศาลยกคำร้องทั้ง 3 ครั้ง ด้วยเหตุว่า “ชาญชัย” ไม่ได้เป็นผู้เสียหายโดยตรง

แต่เมื่อ “ความปรากฏ” จากข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่ ชาญชัยนำเสนอประกอบคำร้องต่อศาลฯ นั้น ทำให้ศาลฯ นัดไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ เพื่อความกระจ่าง

ชาญชัย อิสระเสนารักษ์และคณะ นำเอกสาร หลักฐาน เรื่องชั้น 14 ไปยื่นต่อศาลฎีกาฯ
และ เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.) กลุ่มของ “ชาญชัย” ที่มีทั้ง “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ที่เคยไปเยี่ยม ทักษิณ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ถึง 2 ครั้งในช่วงนอนพักรักษาตัว, “สมชาย แสวงการ” อดีต สว., “นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์” อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ , “ภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ” และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” ร่วมกันไปยื่นคำร้อง ขอส่งมอบพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงต่างๆ อันเป็นที่มาของคำร้องฉบับที่ ศาลฎีกาฯ ได้เป็นเจ้าภาพ นัดไต่สวนหาความจริงเอง

เป็นหลักฐานที่ “ชาญชัย” เตรียมไว้ประกอบคำร้องต่อศาลฯว่า “ทักษิณ” ไม่ได้ป่วยจริง แต่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ช่วยให้ “ทักษิณ” ได้ไปพักที่ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งสะดวกสบายกว่าที่จะรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ และยังให้ความรู้สึกว่า “ไม่ได้ติดคุก”
หลักฐานที่ว่าก็มีทั้ง เอกสารของ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ที่เคยไปเป็นพยานในการพิจารณาไต่สวนของ ป.ป.ช. , เอกสารผลการตรวจสอบเรื่องการรักษาตัว“ทักษิณ” ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เอกสารผลการตรวจสอบเรื่องชั้น 14 ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา ชุดที่แล้วที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ,เอกสารผลการประชุมของ แพทยสภา เมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้ง เอกสารของ นพ.ตุลย์ ที่เคยไปชี้แจงกับ ป.ป.ช. ก่อนหน้านี้

เอกสารสำคัญที่ถือว่าเป็น “ทีเด็ด” คือ ใบเสร็จของ รพ.ตำรวจ ที่ “ทักษิณ” ไปนอนรักษาตัว ในช่วง 6 เดือน ก่อนได้รับการพักโทษ จำนวน 26 ใบ

ในใบเสร็จ มีแต่รายการจ่ายค่าห้อง ไม่มีรายการค่ายา ค่าหมอที่ทำการรักษา แม้แต่ใบเดียว แล้วอย่างนี้จะบอกว่าป่วยวิกฤต ได้อย่างไร

“ชาญชัย” ยืนยันว่า เอกสารดังกล่าว เป็นเอกสารของ รพ.ตำรวจของแท้ มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรอง แต่เมื่อตนนำมามอบให้ศาลฎีกาแล้ว ก็ขอให้จับตา ว่า อาจมีความเคลื่อนไหว ของบางฝ่ายที่จะทำเอกสารย้อนหลัง ในช่วงการรักษาตัวของ “ทักษิณ” เพื่อมายันกับเอกสานของตน

ขณะที่ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” บอกว่า มาร่วมยื่นพยานหลักฐานครั้งนี้ เนื่องจากต้องการทำความจริงให้ปรากฏ ไม่อยากให้ “ทักษิณ” ทำให้ประเทศชาติวุ่นวายไปมากกว่านี้ เชื่อว่าหากปล่อยไป “ทักษิณ” จะสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองแน่ และเชื่อว่า ในวันที่ศาลนัดไต่สวน “ทักษิณ” จะไม่มาศาล

ต้องติดตามกันว่า 13 มิ.ย.นี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองไทยหรือไม่

สมศักดิ์ เทพสุทิน
++ งบประมาณ 69 เงินทอนสะพัด? ผู้ทรงเกียรติกลายเป็น "ผู้ทรงเกียจ" หายหัวเกือบเกลี้ยงสภา! 

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท เห็นว่า ในวันที่ 2 บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ช่วงบ่ายถึงเย็นบรรดา สส.ทั้งหลายหายเกือบเกลี้ยงสภาฯ

สะท้อนถึงความตั้งใจในการทำหน้าที่ของ"ผู้ทรงเกียรติ" สวมวิญญาณ เป็น "ผู้ทรงเกียจคร้าน" มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ฟังการอภิปรายจากเพื่อนสมาชิก

นับจำนวนหัว สส.ปรากฏว่า ฝ่ายค้านพรรคประชาชน มีสส.นั่งอยู่ในสภาฯประมาณ 20-30 คน ส่วนสส. ฝั่งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยมี สส.เหลืออยู่ประมาณ 10 คน

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเล็ก แทบไม่มี สส.นั่งอยู่ในห้อง

ขณะที่ฝั่งคณะรัฐมนตรี มีเพียง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” และ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ “มนพร เจริญศรี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่นั่งฟังการอภิปรายเพื่อรอชี้แจงเท่านั้น

งานนี้ประชาชนได้แต่มองถ่ายทอดสดด้วยความเวทนา...เสียดายเงินภาษี ที่ต้องจ่ายเงินเดือนผู้แทน แต่ก็ทำใจไว้อยู่แล้ว เพราะอภิปรายงบฯ ในความตระหนักของสส. นี่มันก็แค่ "พิธีกรรม" ทำให้ผ่านๆ ไป

ส่วนฝ่ายค้าน ที่พอได้เรื่องได้ราวหน่อย ก็ต้องบอกว่าดูเป็นรายบุคคลไปโดยเฉพาะ "ตัวตึง"...ตัวเปรี้ยว

หนึ่งในตัวตึงพรรคประชาชนอย่าง "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" อภิปราย "ชำแหละ" งบประมาณกรมทางหลวง โดยแฉว่า อาจมีการตั้งงบประมาณสูงเกินจริง เพื่อหวัง "เงินทอน" คาดการณ์ว่าเงินทอนในงบปี 2569 น่าสูงถึง 8 พันล้านบาท!

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ
สิ่งนี้บ่งชี้ถึงปัญหาของระบบการจัดชั้นผู้รับเหมาที่บกพร่อง ที่เป็นกลไกให้ได้ "เงินทอน"

นี่แค่ยกตัวอย่างกรมทางหลวง ยังมีอีกหลายโครงการใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะมี "เงินทอน" แค่ไหน

เอาเป็นว่างบปี 69 ตามข้อมูลของวิโรจน์และฝ่ายค้าน เชื่อว่า "เงินทอน" สะพัดแน่ๆ

สส. อีกคนคือ "สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ" ได้แฉงบประมาณสร้างตึกสำนักปลัดกระทรวงคมนาคม ว่า "หรูและแพงกว่าตึก สตง." เรียกเสียงฮือฮาจากชาวเน็ต สะท้อนว่า นี่ยังคงมีหน่วยงานรัฐ ที่ใช้งบประมาณแผ่นดินกันไปบันดาลสุขกันอยู่อีกเยอะเลย

นี่ก็ต้องถาม ทั้งหมดทั้งมวลของงบ 3.7ล้านล้าน ใครได้รับประโยชน์ "เงินทอน" จากงบประมาณเหล่านี้ ยิ่งทำให้ประชาชน เบื่อนักการเมือง ไม่เชื่อในความซื่อสัตย์สุจริต...คิดๆแล้วก็วังเวงยิ่งกว่าบรรยากาศในสภา


กำลังโหลดความคิดเห็น