วันนี้( 29 พ.ค.)นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม(กธ.) กล่าวอภิปรายสนับสนุน ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ ซึ่งเป็นวิกฤตเรื้อรังที่กระทบต่อหัวใจของชาวนา ซึ่งที่ผ่านมาราคาข้าวเปลือกได้ตกต่ำมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ฤดูกาลผลิต 2567/2568 จนถึงขณะนี้ โดยเฉพาะราคาข้าวหอมมะลิที่ในบางช่วงตกต่ำถึง เพียง 8,000–9,000 บาท/ตัน ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ทำให้ชาวนาเดือดร้อนอย่างกว้างขวาง ทั่วทั้งประเทศมีเกษตรกรชาวนาได้รับผลกระทบไม่น้อยกว่า 3.5 ล้านครัวเรือน จากผลผลิตข้าวนาปีประมาณ 27.7 ล้านตัน และข้าวนาปรังอีกกว่า 9 ล้านตัน
นายบัญชา กล่าวต่อว่า ในปีงบประมาณ 2568 รัฐบาลได้ตั้งวงเงินช่วยเหลือผ่านโครงการสินเชื่อรวม 2 โครงการ ได้แก่ สินเชื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าโดยสถาบันเกษตรกร วงเงิน 15,000 ล้านบาท,สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปี 2567/68 วงเงินสูงถึง 35,481 ล้านบาท ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บผลผลิตไว้รอราคาดีขึ้น โดยรัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยแทน อย่างไรก็ดี ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 นี้ กระผมขอ สนับสนุนให้ เพิ่มวงเงินทั้ง 2 โครงการอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อชะลอการขาย ซึ่งจำเป็นต้องขยายวงเงินจาก 35,481 ล้านบาท เป็นอย่างน้อย 45,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผลผลิตที่ยังค้างในระบบ และเพื่อขยายการเข้าถึงของชาวนาได้ทั่วถึงมากขึ้น
นายบัญชา ยังกล่าวต่อเพิ่มเติมว่า การกำหนดราคาการให้สินเชื่อควรเป็นธรรม สอดคล้องกับคุณภาพของข้าว ดังเช่นที่ใช้ในปีที่ผ่านมา อาทิ ข้าวหอมมะลิในเขต 23 จังหวัด ราคาสูงสุด 12,500 บาท/ตัน,ข้าวหอมมะลินอกเขต 11,000 บาท/ตัน,ข้าวเจ้า 9,000 บาท/ตัน,ข้าวปทุมธานีและข้าวเหนียว 10,000 บาท/ตัน มาตรการนี้ช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารการขายผลผลิตได้ดีขึ้น ไม่ถูกกดราคาในฤดูเก็บเกี่ยว และยังช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาข้าวทั้งระบบ
“พรรคกล้าธรรม ขอยืนยันว่า เราไม่ต้องการเพียงแค่นโยบายเยียวยา แต่ขอเสนอให้เพิ่มความกล้าในการยกระดับกลไกตลาดของข้าวไทยอย่างยั่งยืน ทั้งด้านงบประมาณ การตลาด และการสนับสนุนสหกรณ์ หากรัฐบาลจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้อย่างเพียงพอ จะช่วยให้ชาวนาไทยมีโอกาสฟื้นตัวจากความยากลำบาก ลดหนี้ เพิ่มรายได้ และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง”