กอ.รมน.ภาคท4 สน. ยืนยันปฏิบัจิหน้าที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชนเคร่งครัด ตรวจสอบได้ มุ่งดูแลพื้นที่ให้ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย หวังนำพาสันติสุขสู่ จชต.
วันนี้ (29 พ.ค.) พันเอก ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เผยถึงกรณีสื่อออนไลน์ได้โพสต์ข้อมูลผ่าน Facebook Wartani ระบุว่าเจ้าหน้าที่ศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ปฏิเสธรักษาอาการป่วยของนายอารีฟฯ (สงวนนามสกุล) และเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ขณะอยู่ในระหว่างการควบคุมตัว โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้มีอาการวิกฤตจากทั้งโรคไตวาย หัวใจตีบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และต้องรับการรักษาด่วน ขอเรียนให้ทราบว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และอาจเข้าข่ายเป็นการบิดเบือนข้อมูล ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเข้าใจของประชาชน และบั่นทอนความไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติงานภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา นายอารีฟฯ อายุ 33 ปี เป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวเพื่อให้ข้อมูล ในศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 และวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายอารีฟฯ มีอาการท้องเสียหลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลรามันเพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยรักษาอาการป่วย ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าอาการดังกล่าวเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร จึงสั่งจ่ายยารักษาอาการและให้กลับได้ ขณะที่ในวันเดียวกัน ทางหน่วยศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ได้แจ้งให้ครอบครัวทราบถึงอาการ และเปิดโอกาสให้ญาติเข้าเยี่ยมได้ โดยนายอารีฟฯ ยืนยันกับญาติว่าตนได้รับการรักษาจากแพทย์เรียบร้อยแล้ว และมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
ส่วนสุขภาพพื้นฐานของนายอารีฟฯ พบว่า มีประวัติเข้ารับการรักษาโรคไตที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ โดยตามปกติมีนัดพบแพทย์ทุกวันที่ 22 ของเดือน แต่เดือนเมษายน ถึง พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายอารีฟฯ ไม่ได้ไปพบแพทย์ตามนัด เนื่องจากแจ้งกับครอบครัวว่าอาการปกติ ทั้งนี้ นายอารีฟฯ ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการฟอกไตแต่อย่างใด และแนวทางการรักษายังคงเป็นการรับประทานยาตามอาการ
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนทุกแขนง ก่อนนำเสนอข้อมูล โดยเฉพาะเกี่ยวกับเหตุการณ์ความมั่นคง ขอให้ตรวจสอบข้อมูลรอบด้าน เพื่อเป็นสื่อที่เชื่อถือได้ และไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีเจตนาแอบแฝง อันนำไปสู่ความเข้าใจผิดวงกว้าง และส่งผลเสียต่อภาพรวมของการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยันเจ้าหน้าที่รัฐจะดำเนินการภายใต้หลักนิติธรรม เคารพสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องสงสัยทุกรายเต็มที่ และพร้อมเปิดให้ตรวจสอบกระบวนการทุกขั้นตอน