xs
xsm
sm
md
lg

11อาคารสูงไม่ตรงปก สภาผู้บริโภคพบเข้าข่ายผิดกฎหมาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สภาผู้บริโภคห่วงไม่ปลอดภัย หลังสำรวจพบ11โครงการอาคารสูงในกทม.ก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎหมาย ทั้งถนนกว้างไม่ถึง 6 เมตร ซอยพื้นที่ก่อสร้างตึก ทำผู้อาศัย-ชุมชนโดยรอบเสี่ยงอันตราย โดยเฉพาะเหตุเพลิงไหม้รถดับเพลิงเข้า-ออกไม่ได้ ค้านแก้กฎกระทรวงฉบับที่33 เอื้อเอกชนก่อสร้างอาคารสูงในซอยแคบ

วันนี้(29พ.ค.) เมื่อเร็วๆนี้สภาองค์กรของผู้บริโภค จัดเวทีเปิดผลสำรวจอาคารก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎหมายในกรุงเทพมหานคร หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจาก 11 ชุมชน พบอาคารที่ก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎกระทรวงฉบับที่ 33 โดยมีเครือข่ายผู้บริโภค หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟัง น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาองค์กรผู้บริโภคได้รับการร้องเรียนปัญหาอาคารสูงจากชาวบ้าน 11 ชุมชน แต่จากการลงตรวจสอบพื้นที่จริงพบปัญหา 13 โครงการก่อสร้างอาคารไม่เป็นไปตามแบบที่ได้ยื่นขออนุญาต หรือแบบEIA และไม่ได้ก่อสร้างอาคารตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 ที่กำหนดให้มีพื้นที่ว่างและถนนรอบอาคาร 6 เมตร ซึ่งสภาผู้บริโภคได้ตรวจสอบปัญหาอาคารสูงที่มีแนวโน้มไม่ปลอดภัยหลายกรณี ทั้งย่านรัชโยธิน, สะพานควาย ,รัชดาภิเษก ซึ่งเป็นอาคารสูงที่ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33

"สภาผู้บริโภคจึงต้องการให้มีการหาทางออกร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่ออนาคตให้เป็นอาคารที่ปลอดภัยถูกกฎหมาย แต่ไม่ใช่การแก้กฎหมายเพื่อให้สร้างอาคารได้ เพราะเป้าหมายของกฎหมายก็เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด”

ด้านนายพรพรหม โอกุชิ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย สภาของผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบอาคารสูงบางโครงการ ภายหลังจากที่ชาวบ้านในชุมชนได้มาร้องเรียน ก็พบว่าบางโครงการที่มีการก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยจำนวนหลายอาคารที่ยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้าง หรือบางโครงการ พบแบบโฆษณาไม่ตรงกับแบบก่อสร้างที่ยื่นขออนุญาต หรือแบบ EIA เช่น บางโครงการนำเอาพื้นที่กำหนดเป็นถนนรอบอาคาร 6 เมตร กลายเป็นที่ชาร์จไฟรถ EV ,บ่อน้ำ, พื้นที่ออกกำลังกาย สนามแบดมินตัน

"สภาผู้บริโภคพบ11โครงการอาคารสูง นำพื้นที่ควรเป็นถนน แต่กลับมาตั้งโต๊ะเปิดร้านกาแฟ หรือปลูกต้นไม้ ซึ่งผิดกฎหมายและไม่ปลอดภัย เนื่องจากไม่มีพื้นที่สำหรับการให้รถดับเพลิงเข้า-ออก ซึ่งมีบทเรียนการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา จะเห็นว่าหากมีการก่อสร้างถูกตามกฎหมายก็จะสามารถช่วยลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้พัก อยู่อาศัยเมื่อเกิดอัคคีภัยหรือภัยพิบัติต่างๆ

"สภาผู้บริโภคได้ยื่นหนังสือต่อ กทม.ให้ตรวจสอบอาคารเหล่านี้ไป 10 โครงการแล้ว โดยมีข้อเสนอให้ตรวจสอบอาคารที่ก่อสร้างไปแล้วเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ รวมถึงอาคารที่กำลังจะก่อสร้างและมีแนวโน้มว่าจะทำผิดกฎหมายต่อไปด้วย"

นายสินิทธิ์ บุญสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายควบคุมอาคารกรมโยธาธิการ กล่าวว่า ปัญหาของ การสร้างอาคารตามกฏหมายควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กำหนดว่า ต้องมีผิวการจราจรกว้างไม่น้อยกว่า 6.00 เมตร แต่กลับพบว่าผู้ประกอบการจะมีการดัดแปลงส่วนนี้เพื่อความสวยงามของอาคาร เช่นทำเป็นสวน สระน้ำ ทั้งที่ตามกฎหมายต้องเป็นผิวจราจรล้วนๆ ปราศจากสิ่งปกคลุม ซึ่งจะมีแม้แต่กระถางต้นไม้ หรือมาทำเป็นที่จอดรถก็ไม่ได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ หากพบว่าอาคารใดทำผิดกฎหมายสามารถร้องเรียนไปที่กรุงเทพมหา นคร หรือหากไม่ได้รับการแก้ไขก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้โดยการฟ้องทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก

“ปัญหาที่เราพบบ่อยมาก คือ การออกแบบ 3 แบบไม่ตรงกัน คือ แบบที่ยื่นขออนุญาตไม่ตรงกับแบบก่อสร้างจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพบปัญหานี้หลังจากที่ชาวบ้านร้องเรียนขึ้นมาและไปตรวจสอบเป็นคดีฟ้องร้องแล้วเราจึงพบปัญหาดังกล่าว”

ด้านนายสุรัช ติระกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานโยธา กรุงเทพมหา นคร กล่าวว่า อาคารสูงที่เข้าข่ายผิดกฎหมายที่สภาผู้บริโภคได้แจ้งข้อมูลมา หาก กทม.เข้าตรวจสอบและพบว่าไม่ผิดเยอะ เช่น ตั้งกระถางต้นไม้กีดขวาง ก็จะแจ้งทางวาจาให้เจ้าของอาคารปรับปรุงซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับความร่วมมือ ขณะนี้มีอยู่ 3-4 อาคาร ที่มีการประสานไปทางวาจาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วยังไม่ยอมให้เข้าตรวจหรือแก้ไข อ้างว่าต้องการให้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ถ้าอาคารไหนมีลักษณะผิดเยอะก็จะแจ้งให้ทางสำนักงานเขตดำเนินคดี

ส่วนที่ผู้บริโภคมองว่าอาคารไม่เป็นไปตามที่บริษัทได้โฆษณาขายหรือเรียกว่า "ไม่ตรงปก"นายสุรัช กล่าวว่า อย่างที่ระบุกันก่อนหน้านี้ ว่าแบบของอาคาร จะมี 3 แบบ คือแบบโฆษณา แบบรับอนุญาต และแบบก่อสร้าง ซึ่งแม้ตามกฎหมายจะให้ กทม.เข้าไปตรวจสอบได้ 3 ช่วงเวลา คือ ก่อนก่อสร้าง ขณะก่อสร้าง และก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ปัญหาคือเมื่อเจ้าของโครงการก่อสร้างไประยะหนึ่งก็จะมีการแก้ไขแบบ ซึ่งกว่าเจ้าหน้าที่กทม. จะพบปัญหาก็เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ถือว่ามีการกระทำผิด เพราะมีการขออนุญาตแก้ไขแบบ และมีการสร้างตามแบบที่ขอแก้ไข

ส่วนนายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัยสภาผู้บริโภค กล่าวว่าเรายื่นไปให้ทางสำนักโยธาของกรุงเทพมหานครถึงผู้ว่า กทม.วันนี้มีร่วม 50 อาคารของทุกค่ายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งความผิดไม่ใช่แค่ให้โยธาตรวจสอบแล้วมีการแก้ไขให้ถูกต้องตามแบบที่ขออนุญาตไว้ แต่มีคนผิดตั้งแต่ต้น ออกแบบพรีวิวกับแบบสุดท้ายตรงกัน แต่แบบขออนุญาตเขียนอีกแบบ นี่คือการจงใจยื่นเอกสารเท็จต่อทางราชการ ดังนั้นที่ตึกสตง.ถล่ม และเราหันมาให้ความสนใจเรื่องการแก้ไขระบบมาตรฐานการก่อสร้าง โดย สส.มีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมา ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะวันนี้เรายังมีคนเข้าอาคารไม่ได้เป็น 10 อาคารเลย และแผ่นดินไหวมันโดนกระทำมาทางใต้ดิน แต่กลับไม่มีใครพูดเรื่องโครงสร้างใต้ดิน แล้วแก้ปัญหากันแบบ 'ไปฉาบไปทาบนผนังที่ร้าวกัน' จริงๆมันเป็นเรื่องอันตราย"


กำลังโหลดความคิดเห็น