ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "อนุทิน-ทักษิณ" กอดกลบไฟ !? ช็อตนี้ "มิตรภาพ" ก่อนจะ "พังพาบ" ถูกถีบพ้นรัฐบาล-โดนเช็คบิลฮั้วสว.สีน้ำเงิน ?!
ภาพที่ "ทักษิณ ชินวัตร" วาดแขนไปกอดคอ "หนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ภายหลัง ทักษิณปาฐกถาจบที่ ป.ป.ส.วันก่อน มีคนอดสงสัยไม่ได้ว่า...กอดนี้เพื่อมิตรภาพจริง หรือ กอดกลบไฟ ?
แน่นอน...หนูที่กำลังวิ่งหนีแมว "อนุทิน" ยิ้มเหลาะแหละ หัวเราะแหะแหะ ปฏิเสธตามสไตล์ว่า "มันไม่ใช่การแสดง เป็นความสัมพันธ์จริงๆ เป็นแบบที่เห็นในภาพ" และว่าไม่มีใครจะเข้าใจดีไปกว่าเป็นผู้เล่น.. แต่นาทีนี้จะมีใครเชื่อ !?
เพราะจังหวะที่มาของการกอด เกิดขึ้นด้วย "ทักษิณ" ถูกถามว่า รัฐบาลเพื่อไทยจะไปกันรอดตลอดฝั่งกับพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ !?
โมเมนต์ของการกอดคอ ต้องการจะสื่อถึงการประกันทางการเมืองว่าพวกเรายังแน่นแฟ้น ยังกอดคอกันได้ แดงยังไม่เขี่ยน้ำเงิน พ้นรัฐบาลว่ากันอย่างนั้น
แต่ความจริงต้องไม่ลืมว่า พรรคน้ำเงินต่อหน้าใสซื่อหวานแหว๋ว แต่หลังยังไม่ทันจะลับชักมีดจ้วงแทงข้างหลังทุกที!
“ทักษิณ” บอกตัวเองแก่แล้วๆ หลายครั้งแต่เรื่อง "รอยแค้น" ความจำถูกแทงกี่แผลจากอีกฝ่าย เชื่อว่า "พ่อนายกฯ" หรือก็คือ "นายกฯตัวจริง" ของรัฐบาลชุดนี้จำได้แม่นไม่ลืมแน่
ความคิด การวางแผนหมากการเมืองจะถีบพรรคภูมิใจไทยพ้นรัฐบาลย่อมออกมาจากบ้านจันทร์ส่องหล้า เพียงแต่ "รอเวลา" ก็เท่านั้น!
เหมือนคำพูดของ “ทักษิณ” ที่ว่าทุกอย่างให้ "ใจเย็นๆ" นี่จึงเป็นที่มาของข่าวความพยายามของ "หนู" ที่จะนำพา "เนวิน ชิดชอบ" เจ้าของพรรคตัวจริง มุดเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าขอกินข้าวกับทักษิณ อีกรอบ
ว่ากันว่า ไม่เพียงแต่จะขออยู่ร่วมรัฐบาลต่อ หาก “เนวิน” กินข้าวกับ “ทักษิณ” อย่างน้อย ได้อ้อนได้ป้อยอเจ้าของบ้าน ในสมรภูมิการเมืองตอนนี้ใครๆ ก็รู้พรรคสีน้ำเงิน ยังว้าวุ่นหนักจากคดี "ฮั้วเลือก สว." ที่ไฟกำลังจะไหม้บ้าน! ดูทรงจะลามถึงตัวใหญ่ๆ ในพรรค อย่ากระนั้นเลยต้องขอแรงทักษิณ พอจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้หรือไม่ !?
เพราะดูจากสถานการณ์ล่าสุด ไฟร้อนๆ จาก “ดีเอสไอ” ที่ไล่สอบลึกคดี “ฮั้วเลือกสว.” ผลสอบแว่วๆ มาว่า หลักฐาน ประจักษ์พยานบุคคล นิติวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี AI เส้นทางการเงิน พฤติการณ์ของคนที่เกี่ยวข้องที่ “ดีเอสไอ”ขนมาสอบสวนสืบสวน...ชัดยิ่งกว่าชัด!
เปิดออกมาที่เขาว่า "สว.สีน้ำเงิน" นั้นทุกคนจะร้องอื้อหือ โอ้โห มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
แถมขบวนการฮั้วไม่ใช่ธรรมดา แต่เข้าข่าย "อั้งยี่-ซ่องโจร"!
งานนี้ “ทักษิณ”รู้ดี คนร้อนรุ่มร้อนรน คือพรรคภูมิใจไทย ที่กำลัง “กอดคอ” อยู่นั่นแหละ!
แบบนี้จะไม่ให้คิดเป็น "กอดกลบไฟ" ได้อย่างไร..จริงมั้ยจ๊ะหนูๆ!
++ “ลุงป้อม” เข้าสภา โหวต กม.เปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นสำนักงานพระคลังข้างที่
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27พ.ค.) มีการประชุมครม. 2 รอบ รอบเช้า ที่ทำเนียบรัฐบาล มี “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน
รอบบ่าย มีการประชุมครม.ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) โดย “นายกฯแม้ว” ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธาน
“นายกฯแม้ว” สั่งการทั้งเรื่อง ปราบปรามยาเสพติด เตรียมทำสงครามกับ “ว้าแดง” ถ้าไม่หยุดส่งยาเสพติดเข้าไทย
ขู่จะยุบ กอ.รมน. ว่าอยู่ไปก็เปลืองงบประมาณ แก้ปัญหาภาคใต้ ปัญหายาเสพติด ไม่ได้... ยังมีเรื่องแก้ปัญหาสารพิษแม่น้ำกก ที่เชียงราย ว่าคุยกันได้ ทั้งเมียนมา และนายทุนจีน ...แสดงความเห็นเรื่องมติแพทยสภา ว่าไม่มีจริยธรรม และเรื่องที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการระบายข้าว “จีทูจี” อีก หมื่นล้านบาท ยังมีช่องทางให้สู้ต่อ
ทุกเรื่องดุเดือด ดรามา กลบข่าวประชุมครม. ที่ทำเนียบฯเสียมิด
ส่วนเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ความคึกคักย้ายไปอยู่ที่อาคารรัฐสภา เพราะมีการเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569
“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เพิ่งมีข่าวว่าลื่นล้มที่บันไดวัดโพธิ์ ก็เดินทางมาถึงสภาแต่เช้า มาโชว์ตัวให้เห็นว่า ร่างกายยังปกติ แข็งแรงดี มาร่วมลงชื่อเข้าประชุม ก่อนจะขึ้นรถส่วนตัวออกจากรัฐสภาไป
ก่อนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ก็มีการพิจารณ กฎหมายอื่นก่อน 3 ฉบับ คือ
การพิจารณา พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 หรือ “กฎหมายไซเบอร์” กับ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 หรือ “กฎหมายสินทรัพย์” ดิจิทัล ที่มีเนื้อหา ให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ร่วมรับผิดชอบกรณีประชาชน ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ดูดเงิน ซึ่ง สภาก็ให้การรับรอง พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ โดยไม่มีเสียงค้าน
จากนั้น เป็นการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ…. วาระ1 ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ เกี่ยวข้องกับ การดำเนินกิจการรถไฟฟ้า การบริหารจัดการตั๋วร่วม เพื่อทำให้โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเป็นจริง
เรื่องนี้ ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาล “ตีกิน” กับช่วงเวลาที่เหลือก่อนเลือกตั้งใหม่ หลังจากเลือกตั้งแล้วจะยัง 20 บาทตลอดสายหรือไม่ ไม่รู้
แต่สุดท้ายที่ประชุมสภา ก็โหวตรับหลักการ และตั้งคณะกรรมาธิการ 25 คน มาพิจารณา ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณา วาระ 2 วาระ 3
ที่น่าสนใจคือ มีกรรมาธิการในโควตาของ พรรคกล้าธรรม 1 คน คือ “น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์” สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ที่ออกมาประกาศร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมก่อนหน้านี้
ในที่ประชุมสภา “น.ส.กฤษฎิ์” ยังย้ายไปนั่งรวมอยู่ในโซนของพรรคกล้าธรรม และ มีข่าวว่าจะร่วมอภิปรายสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ด้วย
ส่วนเรื่องที่ 3 เป็นการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยมีสาระสำคัญ คือ เปลี่ยนชื่อ “สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” เป็น “สำนักงานพระคลังข้างที่” โดย “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทน ครม. แถลงหลักการและเหตุผล ต่อที่ปประชุม และขอให้ที่ประชุม ใช้กระบวนการพิจารณาแบบกรรมาธิการเต็มสภา 3 วาระรวด
เรื่องนี้ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภา ลุกขึ้นมาอภิปรายแบบ “ยืนเดี่ยว”
“เท้ง” ไม่ได้คัดค้านเรื่องเปลี่ยนชื่อ แต่ “ข้องใจ” ว่ากฎหมายสำคัญเช่นนี้ ทำไมต้องรวบรัดลงมติ แบบตั้งกรรมาธิการเต็มสภา พิจารณา 3 วาระรวด
“ชูศักดิ์ ศิรินิล” ต้องลุกชี้แจงว่า ในชั้น ครม.ที่พิจารณาเรื่องนี้ ทราบดีว่าเป็นกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนสถาบันฯ และเป็นเพียงแค่ถ้อยคำ ไม่ได้มีข้อยุ่งยาก กฎหมาย มี 6 มาตรา เป็นรูปแบบ 3 มาตรา เนื้อหาจริง มีเพียง 3 มาตรา จากการได้ค้นคว้ากฎหมายทำนองนี้ในอดีต ส่วนใหญ่จะใช้กรรมาธิการเต็มสภาอยู่หลายครั้ง ครม.จึงมีความเห็นว่า หากครม.เสนอพิจารณาแบบกรรมาธิการเต็มสภา ก็จะเป็นความสง่างาม และให้ครม.เร่งทำกฎหมายนี้ให้เสร็จโดยเร็ว
ในที่สุด ที่ประชุมก็ให้ความเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ทั้ง 3 วาระ โดยมีผู้งดออกเสียงเพียง 2 เสียง ส่วนไม่เห็นชอบ ไม่มี
ก็ขนาด “ลุงป้อม” ที่เป็นฝ่ายค้าน และออกจากสภาไปก่อนหน้านั้น ยังกลับมารอโหวต “เห็นชอบ” กับร่างกฎหมายนี้
ส่วน “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ก็เข้าสภามาในช่วงบ่าย ซึ่งสื่อก็มารุมล้อม ไม่ได้ถามถึงเรื่อง งบฯ69 แต่ถามเรื่องความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ระหว่าง “พรรคเพื่อไทย กับภูมิใจไทย”
คำตอบ คือ ยอมรับว่ามีความเห็นไม่ตรงกันจริงในหลายเรื่อง แต่ไม่ได้แตกกัน ไม่ได้ขัดกัน สามารถปรับความเข้าใจกันได้
ถามต่อว่า ทำไม “ทักษิณ ชินวัตร” ยืนยันว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาล จะไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ ตรงนี้มีสัญญาณอะไรหรือ “นายกฯอิ๊งค์” ย้อนว่า เป็นสัญญาณจากสื่อมวลชน หรือเปล่า ว่าอยากให้เปลี่ยนตัวนายกฯ... อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ แต่ถ้ามีอะไรก็บอกได้...
จากนั้น เมื่อเข้าสู่วาระการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท “นายกฯอิ๊งค์” ก็ร่ายยาวถึงหลักการ เหตุผล ว่าเป็นการจัดงบฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ต่อยอดการพัฒนาภาคการผลิต และบริการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ผ่านการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติแผนแม่บทต่างๆ และ นโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ได้แถลงต่อรัฐสภา
รอบนี้ “นายกฯอิงค์” ไม่ได้อ่าน “ไอแพด”นะ แต่อ่านจากเอกสาร และจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
หลังนายกฯอิงค์ อ่านจบ “เท้ง” ณัฐพงษ์ ก็ลุกขึ้นตอบโต้ว่า จัดงบสูตรเดิมๆ ไม่เปลี่ยนตามโลก มองไม่เห็นยุทธศาสตร์ บริหารไร้ทิศทาง และส่อว่าจะพาไทยสู่รัฐล้มเหลว
ก่อนจะทิ้งท้ายแบบจี้ใจดำว่า ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศที่ขาดเงิน สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่วิกฤตการคลัง แต่เป็นวิกฤตทางการเมือง!!