“บิ๊กต่าย” เผย ฝ่ายปกครอง-ตำรวจ ต้องจับมือกันเป็นปาท่องโก๋ กวาดล้างยาเสพติด สตช.เริ่มทำมาตั้งแต่สมัยตนเป็นรักษาการ ผบ.ตร.ปี 67 เน้นดูแลชุมชนไม่ให้มีผู้ค้าแม้รายเดียว ตรงตามที่ “ทักษิณ” ปาฐกถา ส่วนการปิดช่องทางนำเข้า-ปิดเส้นทางเดินยา ก็ตรงตามนโยบาย Seal Stop Safe ของนายกฯ
เมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 28 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นานกว่า 1 ชั่วโมง ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาในงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ควรเอาจริงในเรื่องของการปรับยาเสพติด ว่า การปาฐกถามีประเด็นสำคัญที่เน้นย้ำไปที่เรื่องการปราบปรามยาเสพติด โดยตำรวจและกระทรวงมหาดไทยต้องจับคู่กัน ให้เหนียวแน่นโดยเน้นการดูแลไปที่ชุมชน สมัยที่ตนรักษาการ ผบ.ตร.เมื่อเดือน เม.ย. 2567 ได้กำหนดแนวคิดให้พื้นที่และกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ต้องเอกซเรย์และสแกนในตำบล ชุมชน หมู่บ้าน ต้องไม่มีผู้ค้ายาเสพติดแม้แต่รายเดียว และนำไปสู่การจัดทำข้อมูลระดมเป้าหมายกวาดล้างตั้งแต่เดือน พ.ค. 67 ถึงปัจจุบัน ทำให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้หลายราย และสิ่งที่ตำรวจได้ทำตรงกับที่นายทักษิณปาฐกถา คือ เน้นไปที่ชุมชน โดยร่วมมือกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม (ป.ป.ส.) และฝ่ายปกครอง เพื่อไม่ให้มียาเสพติดในชุมชนจริงๆ โดยจะทุ่มกำลังลงไปตรงนี้ให้มากกว่าปกติ
ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนนโยบายเรื่องการปราบปรามยาเสพติดเคยพูดไว้ คือ เรื่องช่องทางการนำเข้ามา ซึ่งตรงกับนโยบายของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือ Seal Stop Safe เป็นหัวข้อที่ครอบคลุมทั้งหมดในการแก้ปัญหา ทั้งนำเข้า ลำเลียง พักยา กระจายจำหน่ายยา และดูแลผู้เสพ โดยจะดูตั้งช่องทางนำเข้า ทั้งบก น้ำ อากาศ พัสดุ มีการตรวจสอบกรณีที่หลุดลอดเข้ามา รวมถึงติดตามสถานที่พักยา ซึ่งปัจจุบันทราบแล้วแต่ขอไม่เปิดเผย มีการเฝ้าระวังและสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เพื่อป้องกันหลุดกระจายออกไปสู่ชุมชน ดังนั้นถ้าตัดเส้นทางยาเสพติด ไม่ให้ไปถึงคนซื้อและคนขายรายย่อยในชุมชน ก็จะเกิดอัมพาตขึ้น ขณะที่ผู้เสพจะเร่งบำบัดให้กลับคืนสู่สังคมได้ต่อไป โดยนายกฯกำหนดความเร่งด่วนให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ร่วมกันแก้ปัญหาแก้
ผู้สื่อข่าวถามฝ่ายปกครองและตำรวจจะทำงานคู่กันเป็นปาท่องโก๋ ได้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า “ต้องเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด จับมือด้วยกัน ทั้งผู้การตำรวจภูธรจังหวัด ผู้ว่าฯ นายอำเภอและ หัวหน้าสถานีตำรวจต้องทำงานร่วมกัน จับมือลงพื้นที่ดูแลประชาชนในทุกเรื่อง