วันที่( 28 พ.ค.)นายศุภชัย ใจสมุทร เปิดเผยว่า กรณีที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินฟอกเงินออกมาโต้ว่าตนไม่เคยถูกออกหมายจับ คดีต้องรอผลคดีหลักนั้น ความจริงคดีดังกล่าวที่อ้างถึงศาลได้พิพากษาลงโทษ ภายหลังจากดำเนินการติดตามการสอบสวนในคดีฟอกเงิน พบว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ได้เสนอสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานอัยการมาตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 และพนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องนายณฐพร เป็น 1ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหาคดี ฟอกเงินการขายที่ดิน ของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น วงเงิน477 ล้านบาท แต่นายณฐพร ผู้ต้องหาดังกล่าว มีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงการไปพบพนักงานอัยการเป็นเวลาหลายปี จนสำนักงานอัยการสูงสุดต้องมีหนังสือถึงดีเอสไอถึงสองครั้ง ให้ส่งตัวผู้ต้องหา หรือออกหมายจับ นำตัวมาฟ้องศาล ซึ่งดีเอสไอก็มิได้ดำเนินการใด เพื่อส่งตัวมาให้อัยการเพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญา
“คดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สายตรงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเมื่อดูความน่าจะเป็นเชื่อได้ว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้ดำเนินการตามหนังสือจากอัยการที่แจ้งให้ติดตามตัวมาเพื่อฟ้องต่อศาล และไม่ออกหมายจับและประกาศลงระบบเพื่อสืบจับ จึงไม่มีหมายจับส่งไปประสานกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เหตุผลก็เพื่อช่วยผู้ต้องหาโดยดึงเวลาเพื่อให้หมดอายุความในวันที่ 15มิถุนายน 2568หรือไม่“
นายศุภชัย กล่าวและ ด้วยพฤติการณ์ของนายณฐพรที่เกิดขึ้น ดีเอสไอต้องออกหมายจับและจับตัวผู้ต้องหาส่งอัยการเพื่อฟ้องศาลก่อนหมดอายุความเท่านั้น
“แต่หากจะเป็นออกหมายเรียก ก็ถือได้ว่าดีเอสไอปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ และเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ต้องหาและกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยอย่างร้ายแรง ดีเอสไอ เป็นหน่วยงานสอบสวนที่สำคัญที่เป็นที่พึ่งของประชาชน หากมีพฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้น จะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าจะไม่เกิดขึ้นกับคดีอื่นๆอีก ”
นายศุภชัย กล่าวและว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสมาชิกและสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นและผดุงไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรมของประเทศให้ธำรงไว้ รัฐมนตรีผู้กำกับดูแลหน่วยงานดีเอสไอจะนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะ เห็นได้ว่าพ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอและพนักงานสอบสวนคดีนี้ ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากความผิดสำเร็จแล้วตั้งแต่เดือนกพ.68 หลังอัยการทำหนังสือ มาขอให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหา แต่เพิกเฉย