xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”ยังไม่หนีกับ“หนี” 13 มิ.ย.ชี้ขาด!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่า มีหลายเรื่องราวที่ต้องเผชิญสำหรับพวก “ครอบครัวชินวัตร” ที่นำโดย นายทักษิณ ชินวัตร เพราะเมื่อวันก่อน น้องสาว คือน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพิ่งโดนศาลปกครองสูงสุด มีคำวินิจฉัยให้ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการทุจริตรับจำนำข้าว จำนวน 10,028 ล้านบาท

แม้ว่าเวลานี้ทั้งคนในพรรคเพื่อไทย และที่ถูกส่งตัวมาเป็นรัฐมนตรีคนสำคัญต่างออกมา “ร่วมด้วยช่วยกัน” จะพยายามบิดเบือนกันอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการหาทางยื้อคดีกันออกไปแค่ไหนก็ตาม แต่ในเมื่อศาลปกครองวินิจฉัยให้ต้องจ่ายจำนวนเท่านี้ การจะไม่ยอมรับ หรือหาทางโยกโย้ เช่น บอกว่ามีหลักฐานใหม่เพื่อรื้อคดีกันใหม่ ก็ว่ากันไป เชิญตามสบาย

แต่ทุกอย่างย่อมต้องมีกฎเกณฑ์ มีกฎหมายรองรับ ดีไม่ดีอาจทำให้อีกหลายคนต้องเจอความผิดมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสียอีก โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่มีหน้าที่บังคับอายัด หรือยึดทรัพย์ ตามกฎหมาย เอาเป็นว่ายังพอมีขั้นตอนอีกพักใหญ่

แต่สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับจากนี้ไปถือว่า “มีชนัก” ปักคาหลังไปอีกนาน มิหนำซ้ำยังเป็นเหตุให้ประตูต้อนรับในการ “กลับไทยแบบสวยๆ” เหมือนกับพี่ชายก่อนหน้านี้ แทบจะดับวูบลง ซ้ำร้ายดีไม่ดี อาจต้องรอการสมทบจากพี่ชายคนนั้นอีกครั้งก็ได้

วกมาที่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้ถือว่า อาการไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนหาข้อเท็จจริงจากกรณีที่ศาลพบข้อมูลว่า “อาจมีการบังคับคำพิพากษาไม่เป็นไปตามหมายจำคุก” จึงกำหนดนัดไต่สวนหาข้อเท็จจริงในวันที่ 13 มิถุนายน นี้

โดยวันนั้น ศาลให้โจทก์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และจำเลย (นายทักษิณ ชินวัตร) แจ้งต่อศาลว่า มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กับสำเนาคำร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์และนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

อย่างไรก็ดี สิ่งที่มาซ้ำเติมสร้างความหวั่นไหวให้กับ นายทักษิณ เพิ่มขึ้นไปอีกก็คือ มติของแพทยสภา ที่ระบุว่าแพทย์ที่ให้การรักษาอาการป่วยของเขาที่ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจในช่วงที่ผ่านมานั้นมีการ “ทำรายงานเท็จ” และ ให้ลงโทษแพทย์ดังกล่าว ด้วยการพักใบอนุญาต และให้ตักเตือนแพทย์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์อีกหนึ่งท่าน

แม้ว่าขั้นตอนนี้ยังอาจมีเวลายื้อได้อีกสักระยะ แต่เมื่อเสียงของแพทยสภาที่ย้ำว่า เป็น “มติเสียงข้างมากๆ” ถึงฝ่ายการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะ สภานายกพิเศษ จะยับยั้งหรือวีโตก็ตาม หรือคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาผลสอบสวนของแพทยสภา จะยื้อยังไม่นำเข้าที่ประชุม ภายในสองสามวันนี้ แต่ทุกอย่างก็ต้องภายในกำหนดวันที่ 30 พฤษภาคม จากนั้นก็ไปตามไทม์ไลน์ คือ ไม่เกินวันที่ 12 มิถุนายน ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะนัดไต่สวนวันที่ 13 มิถุนายน ดังกล่าว

อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้มี “ข่าวลือ” หนาหูว่า นายทักษิณ ชินวัตร กำลังหาทางหนี หรือบางข่าวไปไกลถึงขั้นว่า “หนีไปแล้ว” ก็มี แต่หากพิจารณาจากข่าวที่ว่าหากเขาหนีไปจริงๆ ย่อมต้องไม่เป็นผลดีแน่นอน ทั้งกับตัวเอง และโดยเฉพาะกับ “ลูกสาว” ของเขาคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในเวลานี้ เพราะหากหนี นั่นก็เท่ากับว่า รัฐบาลก็ระส่ำ ปั่นป่วนทันที และน.ส.แพทองธาร ก็จะยิ่งเจอภาวะวิกฤตหนักขึ้นกว่าเดิมอีก

ดังนั้น หลายคนกำลังจับตามองว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะไปแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเรื่องการปราบปรามยาเสพติดตามหนังสือเชิญของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่เป็นหน่วยงานในการกำกับดูแลของกระทรวงยุติธรรม ที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเจ้ากระทรวงในบ่าย วันที่ 27 พฤษภาคมนี้ หรือไม่

และผลก็ออกมาแล้วว่า “ไม่มีปัญหา” เขาได้ไปปรากฏตัว ให้สัมภาษณ์ ตลอดจนแสดงวิสัยทัศน์ ที่ ปปส. ให้เห็นกันแล้ว ถือว่าเป็นความตั้งใจไปให้เห็นตัวเป็นๆ เพื่อสยบข่าวลือ ว่าหนีไปก่อนหน้านี้

การแสดงตัวครั้งนี้ ยังต้องการให้เป็นข่าวใหญ่โต ทั้งจากเนื้อหาจากคำพูดในงาน และการให้สัมภาษณ์ เชื่อว่าต้องครองหน้าสื่อแน่นอน ซึ่งก็เป็นจริงดังคาด เมื่อ นายทักษิณ ไปตามนัดที่ป.ป.ส.ตามเวลา พร้อมทั้งกล่าวว่า “ยังอยู่ดี ไม่ได้ไปไหน”

สอดคล้องกับความเชื่อของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ที่ยังชื่อว่า นายทักษิณ ต้องไปปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในวันที่ 27 พฤษภาคม เพื่อแสดงความเข้มแข็ง ให้พวกเดียวกันได้เห็นก่อนถึง วันที่ 13 มิถุนายน ซึ่งยังเหลือเวลาอีกราวสองสัปดาห์ ก่อนถึงวันสำคัญคือ วันที่ 13 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ นายจตุพร มองว่านายทักษิณ จะไม่ไปศาล

“ทางการเมืองมองว่า ยังมีเวลาแสดงถึงจิตใจเข้มแข็ง ในช่วง 16 วันก่อนถึงวันที่ 13 มิถุนายน ที่ศาลฎีกาฯ นัดพร้อมหรือไต่สวนการบังคับโทษตามหมายจำคุกแล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ผมอยากให้ทักษิณ ไปศาล แต่ยังเชื่อว่า ทักษิณจะไม่ไปศาล ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหลือ 2 สัปดาห์เศษนั้น สิ่งหนึ่งในทางการเมืองแล้ว ทักษิณ ต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในเผ่าทั้งหลาย เห็นแสนยานุภาพ ทั้งที่ข้อเท็จจริงทางการเมืองแล้ว ย่อมคาดคะเนปลายทางที่เปราะบางกันได้”

แม้ว่าที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวจะยืนยันว่า นายทักษิณ ยังไม่หนี และเคยกล่าวว่า “หากไม่ติดอะไร ก็ไป (ศาล) แน่” แต่ล่าสุด นายจตุพร กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ช่วงหลังๆ ของน.ส.แพทองธาร จะออกอาการยืนยันเบาลง แสดงถึงความไม่มั่นใจ รวมทั้งมีข้อสังเกตบางอย่าง จากการที่เพิ่งเดินทางไปอังกฤษ ในแบบไม่เป็นทางการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นเอง

สิ่งที่น่าพิจารณาตอนนี้เหมือนกับว่า จุดไคลแม็กซ์ทางการเมืองน่าจะอยู่ที่ วันที่ 13 มิถุนายน เป็นจุดชี้ขาด เพราะเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจลำบาก หากต้องติดคุกโดยที่เขาพยายามทำทุกทางแล้วว่า “ไม่ต้องการติดคุกแม้แต่วันเดียว” ย่อมยอมไม่ได้เป็นอันขาด แต่หากตัดสินใจตัดช่องน้อยแต่พอตัว “หนีไปก่อน” ก็ยิ่งก่อให้เกิดหายนะให้กับลูกสาว คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ถือว่าจบเห่ทันที หรือไม่

ดังนั้น วันที่ 13 มิถุนายน ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่ต้องจับตามองมากที่สุด และต้องรอดูว่านายทักษิณ จะไปปรากฏตัวที่ศาลหรือไม่ เท่านั้นเอง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น