ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... และการสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WPPT)
วันนี้ (วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ ดังนี้
- อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่...) พ.ศ. ...
- รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว
- ให้ความเห็นชอบการสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WPPT) และเสนอการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 178 ของ รธน.
- ให้ความเห็นชอบและมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จัดทำภาคยานุวัตรสารเพื่อการสมัครเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงของ WPPT เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคี และ พณ. ได้มีหนังสือแจ้ง กต. ทราบถึงการดำเนินการภายในต่างๆ ซึ่งรวมถึงการออกกฎและระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยที่ได้มีสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและรักษาระดับการคุ้มครองสิทธิของนักแสดงและผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงของประเทศสมาชิกให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปแบบเดียวกัน ได้แก่ สิทธิทางเศรษฐกิจของนักแสดง สิทธิทางศีลธรรมของนักแสดง สิทธิของผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง สิทธิในการได้รับค่าตอบแทนสำหรับการแพร่เสียงและการเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทั้งนี้ ประเทศภาคีต้องกำหนดอายุการคุ้มครองสำหรับสิทธิของนักแสดงให้มีอายุอย่างน้อย 50 ปี นับแต่วันสิ้นปีที่ได้มีการบันทึกการแสดงไว้ในสิ่งบันทึกเสียง และต้องกำหนดอายุการคุ้มครองสำหรับผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงให้มีอายุอย่างน้อย 50 ปี นับแต่วันสิ้นปีที่ได้มีการโฆษณาสิ่งบันทึกเสียง หรือหากไม่มีการโฆษณาให้มีอายุอย่างน้อย 50 ปีนับแต่วันสิ้นปีที่ได้มีการบันทึกเสียง
ต่อมา ครม. ได้มีมติ (10 พฤศจิกายน 2563) เห็นชอบการเข้าเป็นภาคีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ส่งผลให้ไทยมีพันธกรณีด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องเข้าร่วมเป็นภาคี WPPT ซึ่งจะต้องปรับปรุง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับ WPPT ให้แล้วเสร็จและมีผลใช้บังคับภายในวันที่ 1 มกราคม 2570 ประกอบกับปัจจุบันการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับงานอันลิขสิทธิ์ มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยปัจจัยทางเทคโนโลยี ส่งผลให้ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ฯ ไม่สามารถรองรับสภาพการณ์ดังกล่าวที่เปลี่ยนแปลงไปได้ รวมทั้ง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ฯ มีเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับสนธิสัญญาดังกล่าว พณ.จึงได้เสนอ พ.ร.บ. ดังกล่าว มาเพื่อดำเนินการ โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มีสาระสำคัญเพื่อให้เนื้อหาสอดคล้องกับ WPPT
นอกจากนี้ พณ. ได้เสนอการสมัครเข้าเป็นภาคี WPPT และเสนอการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญต่อไปด้วย เนื่องจากเห็นว่าประโยชน์ของการเข้าเป็นภาคี WPPT จะยกระดับการคุ้มครองสิทธิของนักแสดงและผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง เปิดโอกาสให้มีการขยายตลาดสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เนื่องจากจะทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์และนักแสดงชาวไทยได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ในประเทศภาคีสนธิสัญญาอื่น ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
พณ.ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วย รวมทั้งได้เสนอแผนในการจัดทำกฏหมายลำดับรองพร้อมกรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรอง รวม 3 ฉบับ ทั้งนี้ กฎหมายลำดับรองดังกล่าวมีกรอบระยะเวลาในการออกภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ พ.ร.บ. ดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษา