เมืองไทย 360 องศา
นาทีนี้คนที่ค้ำจุนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้ดีที่สุดหนีไม่พ้น นายทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ แม้ว่าเวลานี้หากบอกว่าต่างก็เข้าขั้น “วิกฤติกันทั้งคู่” แต่สำหรับ นายทักษิณ แล้ว น่าจะยังพอมีแรงเคลื่อนไหว โดยเฉพาะหวังว่าจะสามารถพลิกฟื้นกลับมาได้บ้าง
แม้ว่าที่ผ่านมา นายทักษิณ กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง นับตั้งแต่การที่เขาไม่ยอมติดคุกตั้งแต่วันเดียว ประกอบกับผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของ “ลูกสาว” ตัวเอง คือน.ส.แพทองธาร ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ทุกนโยบายจากการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยยังไม่อาจจับต้องได้ เข้าขั้น “ล้มเหลว”ก็ว่าได้ มิหนำซ้ำตัว น.ส.แพทองธาร ยังมีปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่น ถูกมองในเรื่องไร้วุฒิภาวะ ไร้ฝีมือ ยิ่งซ้ำเติมไปกันใหญ่
แต่สิ่งที่เชื่อว่ากำลังสั่นสะเทือนจิตใจของ นายทักษิณ อย่างมาก น่าจะเป็นเรื่องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่ส่วนหาข้อเท็จจริงกรณีที่เกี่ยวกับการที่ศาลเห็นว่า “อาจมีการบังคับคำพิพากษาไม่เป็นไปตามหมายจำคุก” โดยนัดหมายไต่สวนวันที่ 13 มิถุนายน
โดยวันนั้นศาลให้โจทก์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ จำเลย (นายทักษิณ ชินวัตร) แจ้งต่อศาลว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กับสำเนาคำร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
อย่างไรก็ดี สิ่งที่มาซ้ำเติมสร้างความหวั่นไหวให้กับ นายทักษิณ เพิ่มขึ้นไปอีกก็คือ มติของแพทยสภา ที่ระบุว่าแพทย์ที่ให้การรักษาอาการป่วยของเขาที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในช่วงที่ผ่านมานั้นมีการ “ทำรายงานเท็จ” และให้ลงโทษแพทย์ดังกล่าว ด้วยการพักใบอนุญาต และให้ตักเตือนแพทย์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แม้ว่าขั้นตอนนี้ยังอาจมีเวลายื้อได้อีกสักระยะ แต่เมื่อเสียงของแพทยสภา ที่ย้ำว่า เป็น “มติเสียงข้างมากๆๆ” ถึงฝ่ายการเมือง ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะ สภานายกพิเศษ จะยับยั้ง หรือวีโตก็ตาม หรือคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาผลสอบสวนของแพทยสภา จะยื้อยังไม่นำเข้าที่ประชุม ภายในสองสามวันนี้ แต่ทุกอย่างก็ต้องภายในกำหนด วันที่ 30 พฤษภาคม จากนั้น ก็ไปตามไทม์ไลน์ คือ ไม่เกินวันที่ 12 มิถุนายน ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะนัดไต่สวนวันที่ 13 มิถุนายน ดังกล่าว
ด้วยสารพัดเรื่องราว ที่กระหน่ำเข้ามาที่ออกมาในทางลบทั้งสิ้น จนมีการจับตามองรวมไปถึงเกิด “ข่าวลือ” ว่า นายทักษิณ ชินวัตร หนีออกนอกประเทศไปแล้ว เนื่องจากเกรงว่าตัวเองอาจต้องกลับมาติดคุก
อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ยืนยันว่า นายทักษิณ ยังไม่หนีไปไหน และบอกว่าหากไม่ติดธุระอะไรก็จะเดินทางไปศาล
“ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าไม่ได้ติดอะไร” ส่วนเมื่อถามว่า นายทักษิณ ยังอยู่ในประเทศ หรือหนีออกไปแล้ว น.ส.แพทองธาร หัวเราะก่อนตอบว่า ยังอยู่ค่ะ เมื่อสักครู่ยังโทรมาอยู่เลยว่าหลังกลับจากราชรัฐโมนาโก ก่อนเดินทางไปมาเลเซีย ได้กลับบ้านหรือไม่ เตรียมตัวทันหรือไม่ ยังคุยกันอยู่ และนายทักษิณ ยังอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเหมือนเดิม ไม่ได้ไปไหนเลย
ส่วนที่มีการวิจารณ์ไปกันอีกว่าการไปอังกฤษครั้งนี้ เป็นการดูช่องทางให้นายทักษิณ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ”ดูช่องทางให้ ไม่ใช่แล้วค่ะ ถ้าไป ไปดูโรงเรียนลูกมากกว่า“
แต่ถึงอย่างไรในวันที่ 13 มิถุนายนดังกล่าว เชื่อว่าสังคมจะต้องเฝ้ามองกันอย่างไม่กระพริบตาแน่ว่า เขาจะเดินทางไปปรากฏตัวที่ศาล หรือไม่
ขณะเดียวกันก็ยังต้องจับตา และเป็นเรื่องที่ต้องวิพากษ์วิจารณ์กันมากมายกับการที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาสเพติด (ป.ป.ส.) เชิญ นายทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ เกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติด ในวันที่ 27 พฤษภาคม นี้ แน่นอนว่าย่อมต้องได้รับเสียงวิจารณ์ดังลั่นแน่นอน เพราะนายทักษิณ มีผลงานอื้อฉาว สมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 44 ปี 45 ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกันการ “ฆ่าตัดตอน” ถูกกล่าวหาไม่น้อยกว่า 2 พันคดี ถูกประณามไปทั่ว ทั้งในและต่างประเทศ
และผลจากนโยบายดังกล่าวยังนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก ถูกมองว่าเป็น “รัฐตำรวจ” เพิ่มความซับซ้อนในจังหวัดชายแดนใต้ และนำมาสู่ความรุนแรง จนกลายเป็นชนวนหลักให้เกิด “ไฟใต้” ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
แน่นอนว่าการเชิญ นายทักษิณ ไปแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดให้กับสำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งอยู่ในสังกัดของกระทวงยุติธรรม ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งไม่ต่างจาก “เด็กในบ้าน” ของเขา ย่อมต้องถูกมองเป็นอื่นไม่ได้ในช่วงนี้ นั่นคือ พยายาม“สยบข่าวลือ” ว่า “หนี” ไปแล้ว อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าวิสัยทัศน์ และความคิดของเขายังสามารถขายได้
อย่างไรก็ดี ก็ต้องจับตากันว่า พอถึงวันจริงคือวันที่ 27 พฤษภาคม จะไปปรากฏตัวตามที่มีการโปรโมตไว้ก่อนหน้านี้ เพราะงานนี้หากไม่ไป ก็ต้องถือว่า “เสียหาย” กว่าที่คิดแน่นอน เพราะเครดิตที่เหลืออยู่น้อยนิดเวลานี้ นอกจากไม่เหลือแล้วยังติดลบเสียอีก และที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และรัฐบาลอย่างรุนแรง เพราะอย่างที่รู้กันว่าเขาเป็นคนค้ำจุนทุกอย่าง
ดังนั้น นอกจากวันที่ 13 มิถุนายน ต้องจับตาดูว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะปรากฏตัวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่แล้ว ยังต้องจับตา วันที่ 27 พฤษภาคมนี้ เสียก่อนว่าจะไป “โชว์ตัว” ที่ ป.ป.ส.หรือไม่ เพราะหากไม่ไป บอกได้คำเดียวว่า “เละ” แต่หากมองถึงความเป็นไปได้ นาทีนี้เชื่อว่าต้องปรากฏตัวเอาไว้ก่อนนั่นแหละ เพราะหากพ่อไม่ไป ลูกพังแน่ !!