xs
xsm
sm
md
lg

สาระน่ารู้เกี่ยวกับกฎหมายมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกฎหมายการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โดยที่ปัจจุบันปัญหาเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีสถิติที่สูงขึ้น เพราะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการก่ออาชญากรรม ส่งผลให้การป้องกันและปราบปรามกระทำได้ยาก โดยเฉพาะกรณีที่นำเงินที่ได้จากการหลอกลวงไปซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือกรณีที่มีการใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงเพื่อโอนเงินที่ได้จากการหลอกลวงไปยังบัญชีม้า หรือกรณีที่มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตแล้วเพื่อนำไปใช้ในการหลอกลวงให้มีความน่าเชื่อถือ  ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีดังกล่าวจึงนำมาซึ่งการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้มีมาตรการเพิ่มเติมในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงได้สรุปสาระน่ารู้เกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวมานำเสนอดังนี้ 


๑. มาตรการป้องกันและปราบปราม

     (๑) การควบคุมการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล : กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีหน้าที่ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ เช่น การเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล ในการนี้ ได้มีการควบคุมหรือกำกับดูแลการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งประกอบธุรกิจอยู่นอกราชอาณาจักรแต่ถือว่าเป็นการให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักร ต้องได้รับอนุญาต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบและป้องกันมิให้มีการนำเงินที่ได้จากการหลอกลวงไปซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

     (๒) การกำหนดมาตรฐานหรือมาตรการที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินและการให้บริการด้านโทรคมนาคมโดยหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล : โดยเฉพาะกรณีที่เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่นมีหน้าที่ตรวจสอบเพื่อคัดกรองเนื้อหา SMS ที่อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกหลอกลวงจาก SMS ที่ไม่ปลอดภัย

     (๓) การป้องกันการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี : การกำหนดให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ ปฏิเสธการเปิดบัญชี ระงับการให้บริการหรือการทำธุรกรรม หรือปิดบัญชี กับบุคคลที่มีรายชื่อหรือเลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้แจ้งรายชื่อบุคคลหรือเลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

     (๔) การป้องกันการใช้บริการโทรคมนาคมเพื่อกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี : กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติสั่งให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น หรือผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง ระงับการให้บริการโทรคมนาคมดังกล่าวเมื่อปรากฏพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการใช้บริการโทรคมนาคมเพื่อกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

     (๕) การป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านระบบคอมพิวเตอร์ : กำหนดให้ระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมายออกจากระบบคอมพิวเตอร์โดยพลัน เมื่อปรากฏว่ามีผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

     (๖) บทกำหนดโทษ : โดยเฉพาะการกำหนดฐานความผิดเกี่ยวกับการลงทะเบียนไม่ถูกต้องครบถ้วนเพื่อป้องปรามมิให้ใช้เลขหมายโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไม่ถูกต้องครบถ้วนเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และบทกำหนดโทษกรณีที่ผู้ใดกระทำต่อข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลหรือผู้ถึงแก่กรรมเพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด อันเป็นการป้องปรามมิให้มิจฉาชีพกระทำต่อข้อมูลในลักษณะดังกล่าวซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

๒. มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหาย

     (๑) การติดตามและคืนเงินให้แก่ผู้เสียหาย : กำหนดให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการดังกล่าวโดยไม่ต้องผ่านศาลเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว

     (๒) การมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี : กำหนดให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้ปฏิบัติตามมาตรฐานหรือมาตรการที่หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลกำหนดแล้ว

     (๓) การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) : กำหนดให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “ศปอท.” ในสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อกำหนดหน้าที่และอำนาจในลักษณะที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการ (Operation Center) ที่สามารถบริหารจัดการกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์และหยุดยั้งการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมิให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง รวมทั้งติดตามเส้นทางการเงินเพื่อนำเงินมาคืนผู้เสียหายได้โดยเร็วและมีประสิทธิภาพ

เมื่อพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๘ มีผลใช้บังคับแล้ว จะช่วยป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้บริการโทรศัพท์หรือโทรคมนาคมหรือการทำธุรกรรมด้านการเงิน และในกรณีที่ประชาชนเป็นผู้เสียหายจะได้รับการช่วยเหลือและติดตามเส้นทางการเงินเพื่อนำเงินมาคืนได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับการกำหนดให้หน่วยงานของเอกชนมีส่วนร่วมรับผิดในความเสียหายโดยมีการกำหนดมาตรฐานหรือมาตรการที่เกี่ยวข้องจะทำให้หน่วยงานของเอกชนมีความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ยิ่งขึ้น




กำลังโหลดความคิดเห็น