รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลจัด Mobile War Room รถเฝ้าระวังน้ำท่วมสนับสนุนงานในพื้นที่เสี่ยง นำร่อง จ.อยุธยา รู้ก่อน ปลอดภัยก่อน ลดความเสียหายให้ประชาชนได้
วันนี้ (26 พ.ค.) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) บูรณาการความร่วมมือเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในหลายรูปแบบอย่างเป็นพิเศษ เพื่อให้เท่าทันต่อสถานการณ์ภัยพิบัติที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และตกหนักมากในบางแห่ง อาจก่อให้เกิดภาวะน้ำท่วม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่ง
นายคารม กล่าวว่า มท. และ อว. ได้ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณภัยในระดับพื้นที่ (จ.พระนครศรีอยุธยา) โดยจัดตั้งคณะทำงานการปฏิบัติงานด้วยรถ Mobile War Room ซึ่งเป็นรถที่ติดตั้งระบบติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ รวมถึงการพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ThaiWater สำหรับติดตามสถานการณ์น้ำ ให้สามารถเข้าถึงการใช้งานได้สะดวกทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้ “แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564–2570” ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว จะมีการประสานความร่วมมือไปยังศูนย์ข้อมูลน้ำระดับจังหวัด ซึ่งสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ได้ร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดจัดตั้งขึ้น และกำลังจะขยายผลให้ครบ 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นการสนับสนุนการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด และเสริมศักยภาพให้ท้องถิ่นสามารถใช้ข้อมูลประกอบการวางแผน ติดตามสถานการณ์ และตัดสินใจทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤตได้อย่างเหมาะสม
“รัฐบาล โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำ ได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เร่งขับเคลื่อนระบบแจ้งเตือนสาธารณภัยในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับข้อมูลการแจ้งเตือนสาธารณภัยอย่างถูกต้อง และทันต่อสถานการณ์ พร้อมรับมือป้องกันภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที โดยนำร่องในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำของประเทศไทย และจะขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรม” นายคารม ระบุ