“จตุพร” ชี้ “อิ๊งค์” รับมือไม่ไหว รัฐบาลส่อแตกหัก สะพัดก่อน 13 มิ.ย. เขี่ยทิ้งภูมิใจไทย หากไปต่อไม่ไหว รอจังหวะสองยุบสภา
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการ “ประเทศไทยต้องมาก่อน” เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ประเทศไทยและรัฐบาลข้ามขั้วกำลังเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน ทั้งปัญหาภายในและนอกประเทศ จนนายกรัฐมนตรี อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ยากจะรับมือไหว
ส่วน นายทักษิณ ชินวัตร กำลังฝ่าอุปสรรคขวากหนามและสุ่มเสี่ยงจะถูกนำตัวกลับไปติดคุก ยิ่งทำตัวเงียบหาย จนเกิดข่าวลือหนาหูว่าหนีออกจากประเทศไทยเพื่อหลบเลี่ยงไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งนัดพร้อมหรือไต่สวนการละเมิดหมายจำคุกหรือไม่ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้
“สิ่งที่น่าสังเกตคือ ก่อนถึงวันที่ 13 มิ.ย. ที่ศาลฎีกาฯ นัดนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาล เพราะมีข่าวแว่วเริ่มถี่ขึ้นว่า ก่อน 13 มิ.ย. นี้ จะมีการปรับ ครม.โดยเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล ซึ่งไม่สนใจว่า รัฐบาลตั้งใหม่จะมีเสียงเท่าไร” นายจตุพร กล่าว และย้ำว่า จากนั้นให้จับตาดูหลัง 13 มิ.ย. ถ้าเห็นว่ารัฐบาลไปไม่รอดจะตัดสินใจยุบสภา เพราะการประกาศศึกกับ “พลเอก ส.” ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่สงครามยิ่งดูเหมือนพร้อมจะแตกหักกันแล้ว
นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลกล้าตัดพรรคภูมิใจไทยออกนั้น สะท้อนถึงเสถียรภาพรัฐบาลกำลังจบลง จึงต้องทำอะไรสนองความสะใจส่วนตัวของคนชักใยอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ วันที่ 13 มิ.ย. นี้ แม้ตนเชื่อว่านายทักษิณจะไม่ไปศาลฎีกาฯ แต่ตนอยากให้ไป และอยากหน้าแตกกับการคาดการณ์ผิด
“ผมไม่อยากให้ทักษิณหนีอีกรอบ แม้ผมเชื่อว่าทักษิณหนี และยังเชื่อว่า ทักษิณไม่ไปศาลฎีกาฯ ในวันที่ 13 มิ.ย. นี้ แต่ให้จับตาดูว่า ข่าวยุบพรรคเพื่อไทยในคดีถูกครอบงำที่อยู่ในขั้นการสอบสวนของ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) จะมาก่อนหรือไม่ อีกไม่นานถัดจากนี้คงได้รู้กัน”
นายจตุพร ย้ำว่า หากสถานการณ์ก่อนถึงวันที่ 13 มิ.ย.นี้ มีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลกันมาก ขอให้จับตาดูการยื่นคำร้องกล่าวหารัฐบาลฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ที่อยู่ในขั้นการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งจะกวาดพรรคฝ่ายรัฐบาลแทบหมดสิ้นในคราวเดียวกัน ดังนั้น ให้ดูปรากฎเหล่านี้ไว้ เพราจะเกิดแรงเหวี่ยงในทางการเมือง
ส่วนที่บางพรรคความพยายามจะดึงหรือดูดงูเห่ามาร่วมกับฝ่ายรัฐบาลนั้น สถานการณ์ขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จากเคยมั่นใจจะได้ สส. ฝ่ายค้านมาร่วม แต่ขณะนี้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากความบาดหมางของพรรครัฐบาล และอุปสรรคขวากหนามมีมากมายหลายชั้นจนยากและเกินมือของนายกฯ อุ๊งอิ๊งจะเอาอยู่เสียอีก ย่อมทำให้ สส. จะถูกดูดเกิดลังเล
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดสั่งให้อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้เงินจำนำข้าว 10,000 ล้านบาทเศษ ว่า เป็นการชดใช้ในส่วนที่เกิดจากการระบายข้าวแบบจีทูจีที่รัฐทำเสียหายจากการประมาทเลินเล่อกว่า 20,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงต้องชดใช้คืน 50% คือ 10,000 ล้านเศษ อย่างไรก็ตาม การชดใช้คืนรัฐของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่มีวันจะเกิดขึ้น เพราะได้แสดงบัญชีทรัพย์สินเพียง 600 ล้านบาท.