พรรคประชาชนจัดเวทีรับฟังความเห็นแก้ร่าง พ.ร.บ.กทม. เพิ่มอำนาจผู้ว่าฯ จัดบริการสาธารณะ กระจายอำนาจ 2 ชั้น หนุนประชาชนเลือก ผอ.เขตของตัวเอง ชู โมเดล กรุงโซล - โตเกียว - ลอนดอน ด้าน ‘ณัฐชา’ แย้ม ทาบทามคนชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ ไว้แล้ว แต่ขออุบชื่อ มั่นใจ คน กทม.เลือกแน่
วันนี้ (24 พ.ค. 68)ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชน จัดกิจกรรมเสวนา และรับฟังความเห็นประชาชนต่อการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กรุงเทพมหานคร(กทม.) นำโดย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายฉัตรชัย หมอดี ส.ก.เขตบางนา
นายณัฐชา เปิดเผยว่า ระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา เรามีผู้ว่า กทม. ที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว แต่จะได้ยินหลายครั้งว่ามีปัญหาในการบริหารงานเรื่องของอำนาจหน้าที่ ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ในหลายโอกาส ซึ่งพรรคประชาชน และทีม ส.ก.ของพรรค ได้รวบรวมปัญหา และออกเป็นร่าง พ.ร.บ.กทม. ฉบับใหม่ โดยจะลงรายละเอียดในเงื่อนไขต่างๆ และเปลี่ยนโฉม กทม.ให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป วันนี้ถือเป็นจุดแรกเริ่มในการทลายข้อจำกัด และพันธนาการ และเวทีในวันนี้จะมีการเปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของประชาชน พรรคประชาชนมีความตั้งใจที่จะแก้ไขร่าง พ.ร.บ.กทม.ให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากล่าช้าจะทำให้คน กทม.เสียโอกาส ซึ่งพรรคประชาชนได้เรียกร้องไปยังรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะที่มองเห็นความสำคัญของประชาชน ก็ควรจะหันมามองปัญหาต่างๆ ที่ติดขัดและฉุดรั้งการทำงานของผู้ว่าฯ กทม.
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า อยากให้เห็นความสำคัญในการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.กทม. ส่วนจะเสนอร่างไปในทิศทางใดไม่ว่ากัน รายละเอียดมาปรับแก้กันได้ในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) แต่อยากให้มีจุดเริ่มต้นด้วยกันก่อน เพราะปัญหาใน กทม. หลายเรื่อง ติดขัดข้อกฎหมายในเรื่องกรอบอำนาจหน้าที่ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมอบอำนาจให้กับประชาชน รวมถึงพรรคการเมืองต่างๆ และประชาชน สามารถเสนอความเห็นเพื่อร่วมกันแก้
ด้านนายวรภพ ระบุว่า ตนในฐานะที่เป็นผู้รวบรวมปัญหา และเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.กทม.นั้น เรื่องที่จะแก้ไขคือ
1. แก้ไขและปลดล็อกอำนาจของผู้ว่าฯ กทม. ไม่สามารถบริหารบริการสาธารณะ โดยไม่ติดขัดข้อกฎหมาย โดยสามารถบริหารบริการสาธารณะได้ทั้งหมด ยกเว้นที่ห้ามไว้ เช่น เรื่องกองทัพ เงินตรา ศาล สัญญาระหว่างประเทศ และสร้างความยืดหยุ่น มอบอำนาจให้เอกชนเข้ามาช่วยจัดทำบริการสาธารณะ
2. ปลดล็อกทางการเงินการคลัง ให้ กทม. สามารถกำหนดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเองได้ เช่น ค่าธรรมเนียมโรงแรม ที่ปัจจุบันทาง กทม. ยังไม่สามารถจัดทำได้ รวมถึงการกู้เงิน และออกพันธบัตร หรือร่วมทุนกับเอกชน ตั้งบริษัทรัฐวิสาหกิจของ กทม. ให้สามารถจัดทำได้เอง โดยไม่ต้องขออนุญาต แค่ผ่านสภา กทม.เพื่อให้ดูแลชาว กทม. 5 ล้านคน และประชากรแฝง 3-5 ล้านคนได้
3. ให้มีการถ่ายโอนการกระจายอำนาจจากส่วนกลางมาไว้ที่ กทม. ให้มากขึ้น และทำได้จริง โดยกำหนดแผนขั้นตอนการกระจายอำนาจ ฉบับที่ 1(2) ที่ต้องถ่ายโอนให้ กทม. นานแล้ว ให้ถ่ายโอนภายใน 1 ปี เช่น การดูแลโรงแรม โรงงานต่างๆ
4. ปรับรูปแบบองค์กรปกครองพิเศษของ กทม. ให้เป็นท้องถิ่น 2 ชั้น ชั้นบนคือระดับ กทม. ชั้นล่างระดับเขต ให้ผู้บริหารระดับเขตมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน เพื่อให้สามารถดูแลประชาชนได้มากขึ้น และรูปแบบจะคล้ายกับรูปแบบมหานครในต่างประเทศ เช่น กรุงโซล โตเกียว และลอนดอน
5. รับรองสิทธิพลเมือง และเพิ่มการมีส่วนร่วม ให้ประชาชนสามารถเข้าชื่อ เสนอญัตติเร่งแก้ปัญหาในสภา กทม.ได้ รวมถึงให้ประชาชนสามารถเสนอโครงการและงบประมาณเข้าสภา กทม.ได้ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำงบประมาณมากขึ้น รวมถึงการทำประชามติ
ขณะที่ นายฉัตรชัย ได้สะท้อนถึงปัญหาการบริหารราชการ กทม. ว่า ในเรื่องระบบสาธารณูปโภค เช่น น้ำ ไฟฟ้าส่องสว่าง ระบบจราจร กทม. ไม่มีอำนาจในการบริหารหรือจัดการ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคประชาชนได้เสนอข้อบัญญัติเข้าสู่สภา กทม. ผ่านสภา กทม.แล้ว แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า กทม.ไม่มีอำนาจในการออกข้อบัญญัติฉบับดังกล่าว คือรถเมล์อนาคต หากวันนั้นสภากทม. ผ่านเทศบัญญัติ และผู้ว่าฯ เซ็นรับรอง อีก 5 ปี กทม.ก็จะมีรถไฟฟ้าทั่ว กทม.
นายณัฐชา กล่าวเสริมอีกว่า จากนี้พรรคประชาชนจะเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจลงสมัคร ส.ก. และขณะนี้ประชาชนอยู่ระหว่างคัดสรรผู้ที่จะลงสมัครผู้ว่า กทม. ในนามพรรคประชาชน โดยจะเปิดตัวพร้อมกันทั้งผู้สมัครผู้ว่า กทม. ส.ก. 50 เขต และนโยบายต่างๆ ที่จะนำไปสู่การแก้ไข เป็นหมุดหมายสำคัญที่อยากให้ชาว กทม.ติดตาม
ทั้งนี้ ในส่วนผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. มีการทาบทามไว้แล้ว แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีกี่คน เพราะจะทำให้ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นใคร และทำให้คนที่ไม่ถูกคัดเลือกเสียหาย แต่ยืนยันว่า ขณะนี้มีการทำงานร่วมกันกับพรรคแล้ว และหากคนที่ถูกทาบทามไม่ได้รับคัดเลือกลงชิงตำแหน่ง ก็จะอยู่ในทีมบริหารของผู้ว่าฯ ส่วนจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่ามีความเชี่ยวชาญในทุกด้าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มาจากนักวิชาการภาคเอกชนหรือหน่วยงานรัฐ นายณัฐชา หัวเราะ และกล่าวติดตลกว่า “ถ้าถามผมละเอียดขนาดนี้ ถามชื่อ และนามสกุลเลยดีกว่า”
ส่วนมั่นใจว่าตัวผู้สมัครจะสามารถสู้กระแสของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบันได้ใช่หรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า พรรคประชาชนเป็นพรรคอันดับหนึ่งของประเทศ และ ส.ส.กทม.ได้รับการยอมรับ ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 เห็นได้ชัดว่าชาว กทม.ให้ความไว้วางใจพรรคประชาชน ซึ่งตัวบุคคลที่เราคัดเลือกมา ไม่ได้นำมาเป็นคู่เปรียบเทียบใดๆ แต่ตั้งใจมาทำงานให้กับประชาชน ดังนั้นในตัวนโยบายและบุคคล ประชาชนจะสามารถมั่นใจว่าจะแก้ปัญหาได้ และไม่ติดขัดข้อจำกัดใดๆ กล้าที่จะแก้ไขและออกนอกกรอบ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์แก้ปัญหาให้กับชาว กทม.