"อนุสรณ์" ชี้จำนำข้าวไม่ควรตัดตอนเพียงมิติบัญชี ควรมองผลทางเศรษฐกิจและสังคมประกอบ อ้างช่วยชาวนาได้มากกว่า 3.7 ล้านครัวเรือน เงิน 6.8 แสนล้านลงสู่รากหญ้า โวเป็นนโยบายเชิงโครงสร้าง มุ่งสร้างเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร ทำให้ไทยกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งส่งออกข้าวโลก ซัดวาทกรรมโจมตีทำประเทศติดหล่ม
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แสดงความเห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถหักหนี้กับผลประโยชน์ได้ ว่า เป็นการมองแบบตัดตอนเพียงเฉพาะด้านบัญชี โดยไม่พยายามมองมิติทางเศรษฐกิจและสังคมจากนโยบายจำนำข้าว ที่สามารถช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้มากกว่า 3.7 ล้านครัวเรือน เงินกว่า 6.8 แสนล้านบาท หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากชนบทโดยตรง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ และยกระดับรายได้ของเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม โครงการรับจำนำข้าวไม่ใช่โครงการแจกเงินแบบไร้ระบบ แต่เป็นนโยบายเชิงโครงสร้าง ที่มุ่งสร้างเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร มีเป้าหมายชัด มีระบบตรวจสอบ และได้รับการยอมรับจากเกษตรกรทั่วประเทศ มีผลลัพธ์ที่ดีชัดเจน ประเทศไทยสามารถกลับมาครองตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งสะท้อนผลลัพธ์ที่ชัดเจนและพิสูจน์ได้ การโจมตีนโยบายด้วยวาทกรรมทางการเมืองเพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการผลักดันนโยบายเปลี่ยนประเทศ อาจส่งผลให้ในอนาคตพรรคการเมือง อาจจะไม่กล้านำเสนอนโยบายแบบพลิกประเทศ ที่คิดใหม่ ทำใหม่ มุ่งตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาของประเทศ อาจได้รัฐบาลที่ไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำอะไรเชิงโครงสร้างหรือเชิงระบบ เพราะจะถูกนำมาเป็นเครื่องมือทำลายล้าง หรือทำนิติสงคราม ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินติดหล่มในภายหลัง อาจเป็นบรรยากาศที่บั่นทอนระบอบประชาธิปไตยที่ควรเปิดพื้นที่ให้แข่งขันกันด้วยแนวนโยบาย ไม่ใช่ด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อทำให้รัฐบาลทำอะไรไม่ได้
“อย่าทำลายบรรยากาศของการแข่งขันกันออกความคิดเชิงนโยบายด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้น หากยังเชื่อว่าประชาชนควรมีทางเลือก ควรยอมรับว่านโยบายที่ทำได้จริงและช่วยเหลือคนส่วนใหญ่ของประเทศนั้น สำเร็จได้โดยรัฐบาลที่กล้าผลักดันนโยบาย รัฐบาลนั้นไม่ควรถูกทำให้กลายเป็นจำเลยทางการเมืองไม่จบสิ้น” นายอนุสรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เริ่มโครงการรับจำนำข้าวในฤดูกาลผลิต 2554/255 โดยรับจำนำในราคาสูงกว่าท้องตลาดและรับจำนำทุกเม็ด ทำให้มีปัญหาในการส่งออกเนื่องจากข้าวไทยมีต้นทุนสูงกว่าข้าวจากประเทศคู่แข่ง โดยรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรที่เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคม 2555 ระบุชัดเจนว่า จำนำข้าวทำให้ไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวและตกไปอยู่อันดับ 3 เพราะส่งออกได้น้อยกว่าอินเดียและเวียดนาม โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2555 ไทยส่งออกข้าวได้เพียง4.4 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 46.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน